กาพย์ภุมรา กาพย์ภมรา กาพย์แมลงภู่

กาพย์ภุมรา กาพย์ภมรา กาพย์แมลงภู่
ปริวรรคจากปั๊บสาใบลาน ฉบับดอยสะเก็ต จังหวัดเชียงใหม่
ธรรมจิตสวัสดี ผู้ปริวรรคแปลงแปลภาษาล้านนาเป็นไทย




              ภมรา...โอย...                         ภมราเอย
อันว่าแม่เผิ้ง แลแมลงพู่                    บนผะผู่ แล่นไพมา
ชมไกสอร กลิ่นคันธา                       สนสอดใกล้ ตอมดอกไม้ พระโพธิง
            เสียงหิ่งหิ้ง บินออกเข้า         เมื่อพระสิทธาตถ์เจ้า นั่งอยู่ภาวนา
ภมรา อันว่าภมเรศ                            นามเพศว่าปักขี
ผายสัททะ สำเนียงดี                         วิดวิ่งก้อง บินร่ำร้อง ส่งเสียงใย
            ชมไกสอร พระโพไทร         สนสอดเสี้ยว บินร่อนเกี้ยว แอ่วไพมา
ภมรา อันว่าแม่เผิ้ง                             แลแมลงพู่ บินผะผู่ สอดเววน
ผายสัททะสำเนียงเสียง ร่ำวิงวน      รือรืดก้อง บินร้องสอดไพมา
            ถวายสำเนียง ร่ำปูชา พระพุทธเจ้า ยามเมื่อนั่งเค้าไม้ พระโพธิง
ว่าธัมเนียม อันนี้หนา                        ธัมเนียม อันนี้นา
นิมิตอันนี้นา หากมีมาแต่เค้า            ปางเมื่อพระพุทธะเจ้า  ตรัสประหญามารา
            กิเลสา เยื่องสัตรู                    ตัดขาดแล้ว สถิตนั่งเหนือแท่นแก้ว
ยามนั้นนา มาราธิราช                        ขุนใจหาน ใจแก่นกล้า
เจียรจากฟ้า หยาดลงมา                     จักมารบ พระสัตถา ตนผ่านแผ้ว
            ว่าแท่นแก้ว ของคูหนา         ว่าแท่นแก้ว ของคูนา
หากเปนของเรา มาแต่เค้า                 ท้าวท่านเจ้า จุ่งจักพ่ายหนีพลัน
ว่าแท่นแก้ว อันนั้น                           หากเปนของมัน อยู่แท้ใจ้ใจ้
            ลวดผิดเถียง พระเหง้าไธ้      อยู่พอหลอ ว่าเจ้าสิทธาตถ์นี้นอ มากะทำดั่งอี้
ตนท่านนี้ แก่นโลภา                         ว่าแท่นแก้ว อันนี้หนา
ว่าแท่นแก้วอันนี้นา หากเปนของเรา           มาหมั้นเที่ยง ท่านใคร่รู้เสี้ยง ถามดูทรา
            ยามนั้นหนา ยามนั้นนา         ริพลแห่ง พระญามาร วางเสียงก้อง
ต่างคนต่างร้อง ว่าแท่นแก้ว              แห่งพระญามาร
เป็นสักขีพยาน สะสู่ร้อง                  นันทั่วท้อง แผ่นปฐวี
            ยามนั้นนา อินทาพรหม        พ่ายพังหนี อยู่บ่ได้
ลวดมาละสมเด็จ พระที่ไหว้            อยู่คนเดียว ผัดผายผ่อเลงเหลียว
ค็บ่หันใผอยู่ใกล้ ยินวู่ไหม้               เปลี่ยวอกพระเหง้าไธ้ ยอดสยมภู แลนา
            ในขณะนั้น บ่มีนา                 กุกฺกุฏฏา ฝูงหมู่ไก่เถื่อนถ้อง ค็ร้องร่ำไพมา
ว่าอดก่อนเถอะหนา อดก่อนเทอะนาเจ้า    สักบึดนึ่งเล้า เจ้าจักประจญ
ปราบแพ้แล้ว ฝูงหมู่มารา                 สกุณณา ฝูงหมู่นกเค้า
            ทั้งนกแขกเต้า แลกาแก         เขาค็มาร้อง ซอแซอยู่เฝ้า
ร้องร่ำพระพุทธะเจ้า อยู่ปูนวอน     เช่นแลนา
            กุกกะคุกกะ โกกิลา               ค็มาร้องชมเชย นอพ่อเฮย ค็มาร้อง
กลางเถื่อนถ้อง ร่ำปูนวอน               นกสิ่งนึ่ง เสียงวิงวอน
ค็มาร้อง อยู่ซ้าวซ้น                           นกปู่ต้น ค็มาร้องอยู่ราวไพร
            นกทังหลาย มาร่ำร้องแล้ว    ซ้ำไก้แจ้แก้ว ค็มาตบปีกแล้ว วิ่งลงคอน
ขันเอย....ขัน...เอย                              ข้นเลยเล่า...
ค็มาเชยใจไก่ ไก่พู้โชงตัวใหย่          ค็มาขันเถี่ยงถ้อง นันทั่วท้อง ป่าดอยดง
            ฝูงวิหคหงสา ค็มาร้อง           ซอแซอยู่เฝ้า พระพุทธะเจ้า อยู่ปูนวอน
ยามนั้นนา อินทาพรหม                    หนีซะซู่ ละแม่เผ้ง แลแมลงพู่
ร่ำวิงวน ว่าบัดนี้นา                            พระประจญ ปราบแพ้แล้ว
            พระผ่านแผ้ว ปราบมารา      ทรงพระนาม ว่าพระสัตถา ไตรโลกหล้า
พระเจ้าฟ้า ยอดไญยญาณ                 นำสัตตะโลก หื้อข้ามพ้น
จากโอฆะ วัฎฎสงสาร                      ปรินิพพโต พระค็ปรินิพพาน ชมวิโมกข์
            พระค็ยังอาลัย สัตตะโลก     ฝูงหมู่ปัชชา จิ่งจักตั้งสาสนา
เรืองเรื่อหล้า เลิสเชียงชิน                 ควรเราทั้งหลาย หื้อทานรักษาสีล
เมตตาภาวนา ไพใจ้ใจ้                      ค็จักพลันได้รอด เวียงแก้วยอดมหาเนรพาน
นั้นแลนา.....
            สัตถา อันว่าพระสาสดา       ตนองอาจ เปนนักปราชญ์ แก่โลกโลกา
นำสัตต์นานา เข้าสู่ห้อง                    ประเทสท้องที่เนรพาน
ทะรงรัสมี หกประการ                      เรืองโลกหล้า เรืองร่ามฟ้า หม่นเหลืองแดง
            ขาวเขียว ส่องใสแสง            แถวถั่งหลิ้ว ดำหม่นสิ้ว ออกเพิงพาว
สุวัณณา เปรียบคำซาวห้า                 อันช่างหล่อเบ้า ได้ร้อยเท่าพันที
สมเด็จพระมุนี ตนเลิสแล้ว              ยามเมื่อพระผ่านแผ้ว ยังธรมาน
            เสด็จขึ้น ผายปาฏิหาริย์         บนอากาส ดูวิลาส รุ่งพรายพรัณ
อัญญทิฏฐี ทั้งหกตน                         กลัวยิ่งล้ำ ลวดไพตกน้ำ แม่คุงคา
            ยามนั้นหนา ยามนั้นนา พระพุทธา
ตนประเสิฐ เสด็จขึ้นสู่ ชั้นฟ้าแก้วเลิส ตาวติงสา
สถิตนั่ง เหนืออาสนา                        หินปัณฑุ กัมพลสิลา
อาสน์แห่งท้าว ธิราชอินทา              ปาริกชาติ เลิสลำคำ
เทสนาธัมม์ แก่แม่พระเจ้า                สริมหา มายาหน่อเหน้า ราชองค์งาม
            เทสนาธัมม์ ปิฏกะทังสาม   อันเลิสล้วน เตมสามเดือนถ้วน
จิ่งจักบัวรมวณ กาละควร                 ค็เสด็จแผ่นผ้าย ยัวริยาตรย้าย อว่ายลงมา
โปรดฝูงสัตต์ ในโลกา                      โขงเขตหล้า ใต้ลุ่มฟ้า หมู่ปัชชา
            ในกาละบัดนี้  แลนา ...
            มธุรา มธุรา มธุโร มธุเร        มธุร มธุรินโท มธุรา มธุรา
มธุรส หวานยิ่งกว่าอ้อย                    หวานจะจ้อย ยิ่งกว่าหวานทังมวล
เราทังหลาย บ่ควรดีประหมาท        ชีวิตบ่ขาด จากอินทรีย์
            สาสนา พระมุนี ยีงตั้งอยู่      เรามังหลายมวลหมู่ ค็ควรดีชักกัน
รักษาสีลฟังธัมม์ เมตตาถาวนาไพใจ้ใจ้      หื้อได้พลันรอด เวียงแก้วยอด มหาเนรพาน
หวานยิ่งกว่าหวานทังมวล แลนา

อุทุงฺคคัมภิราดิเรกรา อเนคฺตินิทิพลา ปนฺนโคหา หิมวนฺตา ปพฺพตลา ชราวคิรินโท โอย....เอย...


ธรรมจิต  สวัสดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น