โองการเอิกเกริกพระราม

โองการเอิกเกริกพระราม

                        ๏ โอม สิริธิติ มะติเตโชชัยยะ ไกรธรรมวรนาถ คือข้าพเจ้าก้มเกศก็ดี ยอกรชุลีพนมแก่พระรัตนไตรแก้วสามประการ แต่โบราณเป็นอสุรกร อมรโคหาเนสิ โดยประเทศถานพระชินสีห์มาแต่ก่อนไซร้ ชัยมุนีนาถ อาจพรรณนาถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ทั้งแปดหมื่นสี่พันพ้น พระธรรมขันธ์ พระปิฏกกัณไตร พระวินัย พระปรมัตถ์ อดิเรกทั้งในปฐมชาโต อิติปิโส ภะคะวา ข้าพเจ้า ขออาราธนา อัญเชิญพระพุทธมนต์คาถาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ข้าพเจ้าจึงขอเรียนให้ขึ้นใจ กูจะยอตัวกูขึ้นเป็นกงจักร ไม้ไร่หักเป็นผุยผง ทั้วทั้งเมืองสักกะชมพู กูจะลำรึกถึงครูกู ใครจะสู้กูบ่มิได้ ครูกูจึงจะให้เล่าเรียนพระคาถาคือพุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ นะโมพุทธายะ ยะะคะวา ชัยยะ มังคะรัง ปาสุอุชา อิปะสะมิ พุทธะสังมิ อิสวาสุ มะอะอุ อิกะวิติ สุเทเสฏโฐ อะสังวิสุโลปุสะพุภะ สังวิธาปุกะยะปะ ทิมะสังอังขุ สะธะวิ ปิปะสะอุ ทุสะนิมะ จิเจรุนิ ตังนิพพุติง นะมะพะทะ นะมะนะอะ นอกอนอกะ กอออนออะ นะอะกะอัง ตัตถะมะถุ อุมะอะยะ จิปิเสคิ คิเสปิจิ มะหายุตถะ มาเนหะ นิระมะหา สัตถัง จะภะกะสะ นะมะพะทะ จะอะพะคะ กาโรทะนะ ตะมังนะอัง อะวะหะยะ กิปิปะอะ อะอุกะมิ เสปุริโส สีระมุมะ ทุสะนัสมิง ปิติมะอุ นะนายะ สุสิสะโม พุทโธ ภะคะวา สุสิสะโม ธัมโม ภะคะวา สุสิสะโม สังโฆ ภะคะวา โลกะนาโถ มะหิทธิโก นาสังสิโม สิระพุทธติง ยะกะพะรัง นะเหยหาย เดชะครูบรรยายขอให้มีกำแพงเจ็ดชั้นกันตัวกู อยู่รอบทั้งหน้าทั้งหลัง พระวิภัง พระสังคินี พระปรมัตถ์ อัตถะคาถา อาจาริยะ ผู้ประเสริฐ จึงให้คาถาอันล้ำเลิศ คงกระพันแก่กู เพ็ชรอันหนึ่งคงแก่หอกดาบ ธนูกำสาบสารพัดอาวุธทั้งยุทธสงคราม ทั้งขวากและหนาม มิได้เข้า คาถานี้เมื่อพระพุทธเจ้าผจญด้วยพระยามาร ก็พ่ายแพ้แก่องค์พระชินสีห์ ด้วยบารมีสิบทัด คือ อิติปารมิตตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา อิติโพธิ มะนุปปัตโต อิติปิโส จะเตนะโม โพอะวะนิ คะระอะหัง สันติง สะปาระมิโย เวสสันตะระ พาเวนะปุตตัง ทัตตะวาทานะ ปะริจาคัง สัตตะสะตักกะ มหาทานัง สัมโรนะวา พรหมาเนนะรา สุกขีกะตา โพอะวะนิ ตะระมะหัง ตัสสานะ สุกขะติ ๚๛
                        ๏ โอม เอิกเริกเพ็ชรเกราะ เพ็ชรพิชัยชาญ หนุมานผู้ชาญชัยชิด มีฤทธิ์ห้าวหาญแสนขวานจะถากก็บิ่นหัก แสนหอกซัดก็ยับเยิน แสนพะเนินตีกูก็บ่ต้อง แสนตะบองตีกูก็บ่มิถูก แสนธนูยิงกูก็บ่มิเข้า ตัวกูนี้คือคงกระพัน แสนดาบขวานฟันกูก็บ่มิเข็ด กูคือเพ็ชรเดชเพ็ชร ทรงคงแก่หอกเหล็กหอกหล่อ หอกข้อเงิน หอกข้อทอง หอกสัมฤทธิ์ กริชทองแดง คงทั้งแสงฟ้าผ่า เพ็ชรคงทั้งซ้าย เพ็ชรคงทั้งขวา เพ็ชรคงทั้งนั่ง เพ็ชรคงทั้งยืน เพ็ชรคงทั้งหลัง เพ็ชรคงทั้งตื่น เพ็ชรคงทั้งยืนสู้รบ เพ็ชรคงทั้งในน้ำ เพ็ชรคงทั้งบนบก เพ็ชรคงทั้งอึดใจบังนิทรา ตัวกูคือหินผาศิลาแลงแข็งยิ้งกว่าเพ็ชรอันกล้า อิติปิโส ภะคะวา ครูกูคือพระฤๅษีทั้งสี่ตน เธอจึงให้กูเล่าพระพุทธมนต์ คงแก่เพ็ชรเอิกเริกไตรภพ ตลบมนฑล เธอจึงให้ชุบตัวกูดุจประหนึ่ง หนุมานวายุบุตรทหารกล้า พระรามประยุทธด้วยอินทรชิต ประสิทธิ์ด้วยสารพัดคง เจ้ากรุงลงกามหายักษาจะฆ่ากูก็ไม่ตาย ด้วยเดชะพระนารายณ์อวตาล ลงมาผลาญอสุราให้มอดม้วยด้วยศรพระผู้เป็นเจ้า ตัวกูนี้คงกระพัน คือหินศิลาแลง แข็งยิ่งกว่าเพ็ชรกล้า อิติปิโส ภะคะวา โลมาคือขนอยู่ทั้งสรรพางกายตัวกูโอมเพ็ชรคงคงสารพัดคง อิติปิโส ภะคะวา อัฏฐิคือกระดูก อยู่ทั้วสรรพางกายตัวกูโอมเพ็ชรคงคง สารพัดคง อิติปิโส ภะคะวา ตะสีเกสา สะโต ยะถาคงคา โสตัง ปะวัตตันติ มาระเสนา มาระยิงสุ อะเสสะโต นะโมพุทธายะ ยะธาพุทโมนะ มะอะอุ อุอะมะ อิสวาสุ สุสวาอิ อะยันตุโภนโต อิทัตตะทานะสี นะเนกขัม ปัญญา นิสะหะ วิริยะ ขันติ สัจจาธิษฐาน นิจสะเมนตุ อุเบกขา ยะทา ยะโว นะมะกะ โรหิติ พุทธคุณณังรักษา ธัมมะคุณณังรักษา สังฆคุณณังรักษา คุณบิดารักษา คุณมารดารักษา คุณพระอินทร์รักษา คุณพระพรหมรักษา คุณเจตภูติรักษา ในตัวกู โอมประสิทธิปาโธ นะอุพุยะ ยะกำจัดพลัดจากมือ นะจังงัง บังจุกขุ อิมัง อังคะ พันธะนัง อธิษฐามิ๚๛



โองการมารวิชัย

โองการมารวิชัย


              ๏ โอมสิทธิไชยไกรธรบวรนารถ ข้าพระบาทจะก้มเกล้าดุษฏี ยอกรชุลีขึ้นไหว้นบ ในไตรภพ พระบาทพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ จึงมาชุมนุมกันบ่มินาน ในบุษบกพิมานด้วยกัน จึงปันแบ่งแต่ละแห่งแต่ละอัน พระอิศวรผู้เป็นเจ้านั้น เธอจึงตรัสใช้ให้พระเพชรฉลูกรรมลงมาสาปสรร ในพื้นพิภพจบพระธรณี พระศรีคงคามหาสมุทร อันไหลมาบ่มิรู้สิ้นสุดแห้งเหือดหาย พระอิศวรพระนาราย์แลท้าวพันตา เธอจึงจะให้หาปุ่มเปือกผงเผ่าเถ้าธุลีอันมีในชลาลัยนัทธี ตั้งเป็นคีรีภูผาพฤกษาเส้นหญ้า ช้างมาวัวควาย คชสีห์ราชสีห์ กรุงพาลีแลเถื่อนถ้ำถ้วน พระปรเมศวรเจ้าหล้ามาทั้งฟ้าครอบพระธรณี มีทั้งกินนรีแลกินนร ทั้งพระฤาษีสิทธิวิทยาธรไกรสรอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งอาทิตย์แลพระจันทร์ เป็นวันเป็นคืน เป็นปีเป็นเดือน ลอยเลื่อนเกลื่อนตามกันมา ส่วนพระพิรอดจึงสำแดงตั้งแก้วจักรวาล รายรอบกั้นบาดาล พิภพจบสายสินธุ์ มีทั้งพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ พระจัตตุโลกบาล พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ชุนุกันได้เก้าโกฏิ์เก้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นในพื้นแผ่นแท่นพสุธา ปรึกษาโดยวิสัย ตั้งมารวิชัยเป็นเอก ขี่ช้างเมขลาพลนิมิตตนใหญ่กว่าฟ้า หน้าใหญ่กว่าพระธรณี มีศรีกว่าพระอาทิตย์ มีฤทธิ์ใหญ่กว่าเทวดา มีตาร้อนดังเปลวไฟ ขึ้นชื่อว่ามารวิชัย เธอจึงให้กูเก็บยาทุกแหล่งหล้า แสนชั้นฟ้าหมื่นบาดาล จึงมีสารพระโองการเก็บเอายาถึงเก้าโกฏิ์เก้าแสนในพื้นแผ่นพสุธาดล กูจักชุบด้วยมนต์อันกูได้เหล่าเรียน ชื่อพระศรีไชยกังเวียนเป็นศัสตรา กูจักมาปราบกำราบสารพัดพิษ พระเจ้าประสิทธิ์กำเนิดในฟ้า ฟ้าก็มาระย่อ สูย่อมกินคน ตนกูจึงประสิทธิ์ สูอยู่ทิศทั่วกำแพงจักรวาล อยู่ด้วยท้าวกุเวรศาลยักษ์ พระปรเมศวรผู้เป็นเจ้า ตั้งกูเป็นนายแก้ผีเสื้อผีพราย สารพัดผีทั้งหลายในแหล่งหล้า ตีนค้ำฟ้าหน้าค้ำดิน สูย่อมกินคนเป็นอาหาร ได้ฟังสารกูมาเล่ากูมาพ่นเอาด้วยยาสารพัดพิษ พระเจ้าประสิทธิ์แก่กู คือโลกะวิทูอันเป็นใหญ่ กูจักใส่ด้วยอาคม กูจักประสมด้วยมนต์อันวิเศษ พระเจ้าตั้งอุปเทศแก่กู กูจะพ่นภูเขาภูเขาก็แตก กูจักพ่นแผ่นดินแผ่นดินก็แหลกทำลาย กูจักพ่นฟ้าฟ้าก็กระจาย กูจักพ่นสายสินธิ์พระสมุทรสาครทั้งหก กูจึงยกพระไตรปิฏกกรรไตรเป็นพระขรรค์ไชยศรี กูจักพ่นไปแต่ละทีตัดฝูงผีฝูงเหือด ฝูงเลือดฝูงลมอันมีพิษ ฝูงหิต ฝูงเรื้อน ฝูงเกลื้อน ฝูงกราก ฝูงฝีกระอากกระตังบาบ ฝีเกร็ดแรต ฝีแกรบในเกวียน ฝีทุเรียนฟกข้อ อันเกิดในคอในอก ตกในแข้งในขา อันมาในตีนแลในมือ ถือในเนื้อแลหัวใจ เกิดภายในแลภายนอก ออกทั้งสรรพางค์ ทั้งพิษงูทับทางแลงูเห่าแรงตลอด งูงอดตะบองพะลำตะบองพะลากระอากระอาก ลายสาบพิษตะเข็บแลตะขาบแมงป๋อง ทั้งพิษไฟเหล็กบาตร คุทราดมะเร็งช้าง มะเร็งม้า มะเร็งควาย มะเร็งวัว มะเร็งฝักบัว มะเร็งซับ มะเร็งซอน มะเร็งซ้ำ มะเร็งซึม มะเร็งคัน มะเร็งลา มะเร็งไข่ปลา มะเร็งไร มะเร็งไฟ มะเร็งตะมอย มะเร็งดอก ออกทั่วทั้งงูสวัด กูจักปัดฝีหัวคว่ำและฝีหัวหงายดาวรายแก้ว ระลอกออกทั่วทั้งตัว ให้คลั่วมั่วเป็นบ้าร้อน คือเปลวไฟอยู่ผะผ่าว ได้ฟังสารกูมากล่าว ก็ระงับดับพิษลงไปมิใด้เหน เย็นดังน้ำอยู่ในบาดาล กูจึงเอาสารพระโองการนี้ มาขับทั้งผีป่าผีเหว ผีพรายผีตายห่า ผีตายโหง ผีโป่งมารทะลุน ทั้งฝูงอุบาทว์ ทั้งคนอาพาธ คนจัญไร คนไข้ผอมเหลือง คนเงื่องคนเหงาคนเศร้า คนทุกข์คนจุก เป็นมะเร็งคุดริดสิดวง เป็นป้างเป็นป่วงเป็นไอเป็นไข้ตะคริว เป็นนิ่วเป็นต้อ หูหนวกตาฟาง เป็นเขม่าเกิดเป็นตาล เกิดกาฬอุบาทว์ เป็นไข้ตามืด เป็นหืดรำมะนาด ยากวาดนางเอื้อย ยาเมื่อยนางอิน ยากินนางฟ้า ยาทานางปลวก สูสามร้อยจำพวกนี้ กูจักขับสูออกไป แม้สูมิไปกูจักเอาไฟมาเผา กูจักยกเอาภูเขาเข้ามาทับ กูจักกลับแผ่นดินเข้ามาปก กูจักยกแผ่นฟ้าเข้ามาครอบ กูจักหอบสูบไว้ด้วยกัน กูจักฟันสูด้วยจักรพระนารายณ์ กูจักวายด้วยหอก กูจักตอกด้วยสิ่ว กูจักหิ้วหัวใจให้บรรลัยย่อยยับ  อย่าให้สูเข้ามาใกล้กาย สูต้องมนต์กูจงถอนหาย สูต้องวัวควาย ต้องช้างม้า กูจักฆ่าสูจงสิ้น กูจักปราบพิษสูจงให้ราบ กูจักบำราบพิษสูจงอย่าเงย ว่าเหวยสูมิรู้จักกูนี่หรือ ตัวกูนี้คือท้าวพรหมสีหราช แม่กูชื่อนางนาฏภควดี พ่อกูชื่อพระศรีปรเมศวร หน้าเป็นนวลมิรู้เศร้า พระพุทธเจ้าเป็นครูแก่กู คือโลกะวิทูอันเป็นใหญ่ ด้วยเดชพิสดารแห่งพระเจ้านั้น สูทั้งหลายจงมาระงับ กูจักขับสูไปนอกจักรวาล กูมีการงานกูจักเรียกสูมาใช้ กูเป็นไข้กูจักเยกสูมารักษา กูจักหายกูจักเรียกสูมาช่วย กูป่วยกูจักให้สูส่งส่วยอย่านาน ตามครูอาจารย์ประสิทธิสวาหายะ โอมทุเร ทุเร สวาหายะ๚๛

โองการพระไพล

โองการพระไพล


                                    ๏ โอมสิทธิการ เธอจึงขุดคูกว้างสามสิบเอ็ดวา
                        ตั้งกำแพงหนาสามสิบเอ็ดโยชน์ เธอจึงตีฆ้องโฆษณาการ
                        ห้ามพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ
                        เธอจึงให้กูปลุกพระไพลต้นหนึ่ง ในปีชวดเดือนห้าวันอาทิตย์
๏  พระไพลจึงงอกขึ้นมาทรสายสาขา ยอดแทงฟ้ารางแทงตลอดไปถึงใต้บาดาล
ใบข้างหนึ่งแทงไปข้างพรอินทร์                      ใบข้างหนึ่งแทงไปข้างพระพรหม
ใบข้างหนึ่งแทงไปข้างพระยม                         ใบข้างหนึ่งแทงไปข้างพระกาฬ
ใบข้างหนึ่งแทงไปข้างพระโมคคัลลาน์           ใบข้างหนึ่งแทงไปข้างพระสารีบุตร
ใบข้างหนึ่งแทงไปข้างพระพุทธ                      ใบข้างหนึ่งแทงไปข้างพระธรรม
ใบข้างหนึ่งแทงไปข้างพระสงฆ์
รากข้างหนึ่งแทงไปหนบูรพา                          รากข้างหนึ่งแทงไปหนอาคเนย์
รากข้างหนึ่งแทงไปหนทักษิณ                        รากข้างหนึ่งแทงไปหนหรดี
รากข้างหนึ่งแทงไปหนประจิม                       รากข้างหนึ่งแทงไปหนพายัพ
รากข้างหนึ่งแทงไปหนอุดร                            รากข้างหนึ่งแทงไปหนอีสาน
รากข้างหนึ่งแทงไปใต้บาดาล            
                                    ๏  ครูอาจารย์เธอจักให้กูเอาไปพ่นมนุษย์ทั้งหลาย
                        พ่นไปในแม่น้ำ แม่น้ำก็แห้งเห็นตัวปลา
                        พ่นไปในป่าป่าไม้ก็หักครื้นเครง
                        พ่นไปหวายเหนี่ยวและเส้นหญ้าก็ขาด
                        ฝูงปิศาจก็มิอาจอยู่ได้ จึงจะมาก้มกราบไหว้กูชื่อพระปริสารท
                        กูตวาดสูทั้งหลายเหวย สูอย่าอยู่เลยเร่งไป
                        อย่าให้ทันกูพ่นพระไพล กูจักฟันสูด้วยพระขรรค์อันคมกล้า
                        กูจักฟันด้วยดาบ กูจักปราบด้วยหอก กูจักตอกด้วยสิ่ว
                        กูจักหิ้วหัวผีเหวี่ยงไปนอกจักรวาล ตั้งฟ้ารับรอกินคน
                        กินทั้งตนกินทั้งมัน กินทั้งตัดกินทั้งใส่ กินทั้งหัวใจ
                        กินทั้งก้อนจิตติดก้อนเลือด ก็มิเหือดหายคลายเสื่อมเศร้า
                        โอมสูหับลับหาย คัจฉะอะมุมหิ โอกาติฏ์ฐาหิ๚๛

ฉันท์ทานอาหาร


ฉันท์ทานอาหาร
"ละเมียดโอชา สกุณาเอมโอษฐ์ วิปโยคห่ายัด"

๏ ละเมียดละไมลิ้น     ชิวหากินกลิ่นโอชา
ละมุ่นลิ้นมธุรา            ลิ้มรสาจักพาเพลิน
ค่อยเล็มระริกลี้            ค่อยแทะที่ค่อยบดเคี้ยว
ลิ้มหมดบ่ส่วนเดียว     มิลดเลี้ยวลิ้นลุกรน
สิบเคี้ยว ณ หนึ่งคำ      กล่าวกระทำละเมียดโอชา
รับประทานให้เชื่องช้า ไม่นำมาสวาปาม
อิ่มอร่อยเอมโอษฐ์       สุธาโภชน์โภชนา
สกุณีสกุณา                  จิกธัญญาพอดีคำ
และลิ้มกระยาหาร       เคี้ยวมินานแล้วกลืนกิน
รู้รสบ่หมดสิ้น             เพียงยลยินแต่พอดี
มิรีบมิเชื่องช้า              สกุณาเอมโอษฐ์ทาน
ช้าเร็วพอประมาณ       สมควรกาลอิ่มสบาย
เขมือบกินบ่รู้รส          กลืนให้หมดบ่เหลือชิ้น
ซบซดกระซาบสิ้น      ไม่ถวิลรสผลา
สูบใส่สวาปาม            หาบหีบห่ามเร่งเวลา
รีบรุดมิค้างคา              เชี่ยวชาญมาบ่ค้างคอ
เลื่อนลิ้นไร้สิ่งอุด         เยี่ยงยื้อยุดฉุดมายัด
วิปโยคห่ายัด                อุดตันขัดจะอัปรีย์ฯ

ธรรมจิต สวัสดี

หนังสือปีใหม่เมือง พ.ศ. ๒๕๕๗

หนังสือปีใหม่เมือง พ.ศ. ๒๕๕๗

ศุภมัสตุ สิริมังคลกาละ ระวิสังกรมสุริยะกาลายาตรา จันทรกาลยาตรา จุลศักราศได้ ๑๓๗๕ ตัวนับแต่พุทธกาลพระพุทธเจ้าดับขันธ์พระปรินิพาน พุทธศักราชได้ ๒๕๕๗ ปีล่วงมาแล้ว เบญจศกมะเส็งฉนำกัมโพธพิไศย ในคิมหันอุตุ จิตรมาส ศุกรปักษ์ ปัญจทมี จันทรวารไถง หนไทภาษาว่าปีก่าใส้ มาจรดจดจอดถึง เดือน ๗ เป็ง อันว่า ออก ๑๕ ค่ำ วันไทว่า วันดับเหม้า ดิถีที่ ๑๔ ตัว นาทีดิถีได้ ๓๓ ตัว พระจันทร์จรณยุตติโยคโสดเสด็จเข้าเทียวเทียมนักขัตตรืกษ์ตัวถ้วน ๑๓ ชื่อหัสตะคือว่าดาวสอกคู้ เทวดาปรากฏในเรือนกันย์ปถวีราศี นาทีฤกษ์ ๘ ตัว เสี้ยงยามตามเข้าสู่ยามกลองงายปลาย ๑ ลูกมหานาที ปลาย ๒ น้ำบาท ปลาย ๑๓ ปลายพิชชา ปลาย ๒ ปลายปราณ ปลาย ๑๐ อักขระอักษรปลาย ตรงกับ ๘ นาฬิกา ๑๑ นาที ๒๔ วินาที พร่ำว่าได้วันจันทร์ ที่ ๑๔ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ จุลศักราชได้ ๑๓๗๖ ตัว ไทภาษาว่า ปีกาบสะง้า ขานชื่อว่าวันสังขารล่อง

 ยามนั้นระวิพระสุริยาทิตย์แผ่รัศมีสีขาวแพร้วพราวประดุจดังดอกบัวขาว นั่งนอนสะแกลงแท่นทิพย์วิมานบวรเขตมีนราศีประเทศ ทรงเครื่องอาภรณ์อันวิเศษสีขาวยุรตรามาแต่ผ่องแผ้ว เน็บดอกบัวขาว ต่างกระจอนขอนหูสุบกระโจมตะโลมด้วยรัตนมณีแก้ววิฑูรย์เรืองรองเปล่งรัศมี ทักษิณกรเบื้องซ้ายวางต่างพระเศียร อุตตรกรเบื้องขวาถือดาบสรีกัญไจย นอนสะแกลงมาเหนือหลังช้างเผือก วังแวดล้อมห้อมด้วยเหล่าบริวาร พากันมาสู่ปริเขตมณฑลเมษราศี อว่ายหน้าสู่หนปัจจิม คือทิศตะวันตก เสด็จย้ายทางโคณวิถีเข้าใกล้เขาพระสุเมรุุราช ดังปรากฏเกณฑ์การณ์ตามสุริยาตรา ฉะนี้แล ฯ

 กาละยาม เทพธิดา นามนางมโนรา ทัดดอกกาสะลองอันว่าดอกปีบเป็นนิมิตว่านามปี มานอนอยู่ถ้า ค่อยรับเอาขุนสังกรานต์ไป ปี้นี้ได้น้ำหัวปี มีฝนกลางปีมากหนัก หล้าปีหาบ่มี พีชชะข้าวกล้า ถั่วงา ธัญชาติ จักงามบริบรูณ์ มโณชาติ เกลือจักแพง อันตรายจักบังเกิดแก่ผู้เป็นใหญ่ ท้าวพระยาจักเดือดร้อนร้อนใจ จักเจ็บไข้ได้อุบัติเหตุ อุบาทก์นี้และอุปัทวเหตุแหล่งโกลาหล คนทั้งหลายจักวุ่นวายเดือดร้อน สมดังพระรสจนาคาถาว่า จนฺทภาโน จ สงฺกรฺม เสยฺยโน ปฏิคฺคหํ นครา ชนา ปาทา จ โสกโรคา ทุพฺภิกฺขกา ดั่งเฉกเช่นนี้แล พึงควรสืบชาตะบ้านเมือง บูชาพระเคราะห์บ้านเมือง จักดีตามอุปเทศนเทอญ ฯ

ยามว่าวันสงกรานต์ จุ่งหื้อครูบาอาจารย์ ผู้ใหญ่ เจ้านาย ท้าวพระยาเสนาอามาตย์ ข้าราชการข้าราชบริพาร บริวารทุกจู่คู้จู่คน ราษฎรทั้งหลาย พากันไปสู่สระโบกขรณี มหานทีแลแม่น้ำ พื้นเค้าไม้ จอมปลวกใหญ่ หัวทางไคว่สี่เส้นสุ้ม บิ่นหน้าไปทิศตก อาบน้ำสระเกล้าดำหัว ด้วยน้ำสุคันธกะขมิ้นส้มป่อย สิริสถิตที่หน้าผาก หื้อเอาน้ำสุคันโธส้มป่อยเช็ดหน้าผากเสีย กล่าวคาถาว่า "อม สิริมา มหาสิริมา เตชะ ยสฺลาภา อายุ วณฺณา ภวนฺตุเม" กาลกินีอยู่ที่นม จัญไรจับอยู่ปลายมือ หื้ออาน้ำขมิ้นส้มปล่อยเช็ดขว้างเสีย จ้าคำคาถาว่า สพฺพทุกขา สพฺภย สพฺพอนฺตรายา สพฺพเวรา สพฺพอุปทฺวา วินาสสนฺตุ เช็ดล้างลอยเสนียดจัญไรทั้งปวง แลหาเสื้อผ้านุ่งห่มใหม่ เน็บดอกกาสะลองเป็นว่าดอกปีบอันเป็นพระยาดอก จักเจริญอายุยืนยาวแลนาฯ

 เดือน ๗ ลง ๑ ค่ำ พร่ำว่าได้วันอังคารที่ ๑๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ หนไทว่า วันรวายสี เปนวันบูดวันเน่า บ่ควรทำมังคลกัมม์ทั้งปวง อย่าหื้อคนทั้งมวลผิดข้องขัดใจกัน บ่ควรแตกสะสานสามัคคี หื้ออยู่ดีช่วยกัน ผัดเผ้วกวาดบ้านเรือนห้องหอ กวาดทรายดายหญ้า ลานวัดกลางข่วงอาราม แบกห่ามขนทรายเข้าวัด ก่อพระเจดีย์ ตานไม้ก่ำสรี บ่ผิดศีลทั้งห้า ว่าปาณาติบาต อทินทาน กาเมสุมิจฉาจาร มุสาวาท อย่าผิดถ้องร้องเถียงกัน จักมีอานิสงค์ยิ่งนักแลฯ

 เดือน ๗ ลง ๒ ค่ำ เป็นวันพระยาวัน พร่ำว่าได้วันพุธที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๕๕๗ หนไทว่า วันเมืองใส้ ติถี ๑ นาทีติถี ๓๓ พระจันทร์จรณยุติโยด โสดเสด็จเข้าเทียวเทียมนักขัตตฤกษ์ตัวถ้วน ๑๕ ชื่อสวาติ คือดาวช้างพัง เทวตาปรากฏในตุลย์วาโยราศี นาทีฤกษ์ ๕ ตัว เสี้ยงยามเที่ยงสู่ยามซ้ายปลาย ๑ น้ำบาท ปลาย ๗ ปลายพิชชนา ปลาย ๒ ปลายปราณ ปลาย ๑๐ ปลายอักขระอักษร ได้เวลา ๑๒ นาฬิกา ๐๙ นาที ๐๐ วินาที ยามนั้นศักราชนับแถมขึ้นหนึ่งตัว เป็น ๑๓๗๖ ตัว มะเมียนักษัตร ไทภาษาว่า ปีกาบสะง้า หื้อทำกัมม์มังคละ เล่าเรียนหนังสือต่อตำรา แรกบ้านเสาเอก วางหมอนเรียงเคียงหมอนนอน หื้อทำการมงคลในวันนี้จักประสบผลดีวิเศษแลนาฯ

 ปีนี้ได้เศษ ๘ ชื่อพิณณวทกวัสสะ ปีนี้วอกรักษาปี หมาจิ้งจอกรักษาเดือน หมูรักษาป่า ปลาตีนรักษาน้ำ ตักกสิลยักข์รักษาอากาส กุมภัณฑ์รักษาแผ่นดิน ท้าวพระยาเป็นใหญ่แก่คนทั้งหลาย วอกเป็นใหญ่แก่สัตว์ ๔ ตีน ตักแตนเป็นใหญ่แก่สัตต์ ๒ ตีน ไม้หาดเป็นใหญ่แก่ไม้จิง ไม้แขเป็นใหญ่แก่ไม้กลวง หญ้าเลาเป็นใหญ่แก่หญ้าทั้งหลาย ดอกกาสะลองเป็นพระยาแก่ดอกไม้ โอชารสดินบ่มีหลาย ขวันเข้าอยู่ไม้เดื่อ หื้อเอาไม้เดื่อมาแปลงเป็นคันเข้าแรก ไม้พานแขเป็นพระยาแก่ไม้กลวงไม้ตันทังมวล ผีเสื้ออยู่ไม้สะเลียม ผีเสื้ออยู่ไม้อันใดอย่าได้ฟักฟันตัดปล้ำยังไม้อันนั้น คันจักกะทำมังคลกัมม์เยื่องใดหื้อได้ปูชาผีเสื้ออยู่ไม้นั้นเสียก่อนกะทำ จักสัมฤทธิ์ผลแล นาคราชขึ้นน้ำ ๒ ตัว บันดาลหื้อฝนตก ๕๐๐ ห่า ชื่อ จันทาธิปติ จัดเป็นตางได้ ๕ ตาง แลตางกว้างได้ ๖๐ โยชนะ เล็ก ๓๐ โยชนะ จักตกในเขาสัตตปริภัณฑ์ ๒๔๗ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๑๖๑ ห่า ตกในมนุษโลกเขตเมืองคน ๙๒ ห่า เทวดาวางเครื่องประดับหนปัจจิม คือ ทิศตะวันตก บาปเคราะห์ตกหนพายัพ คือ ทิศตะวันตกแจ่งเหนือ ปาปลัคนาตกหนอาคไนย์ คือ ทิศตะวันออกแจ่งใต้ ในทิสะทัง ๓ นี้ กะทำมังคลกัมม์และอาบน้ำดำหัวชำระตัวตน อย่าบิ่นหน้าไปต้องบ่ดีฯ

 อตีตวรพุทธสาสนาคลาล่วงได้ ๒๕๕๖ พระวัสสา ปลาย ๑๑ เดือน ปลาย ๒ วัน นับแต่วันพระญาวันคืนหลัง อนาคตวรพุทธสาสนาจักมาพายหน้าบ่น้อย ยังอยู่ ๒๕๕๓ พระวัสสา ปลาย ๒๘ วันนับตั้งแต่วันปากปีไปภายภาคหน้า ตามชินกาละมาลินีสังเกตเหตุเอาบวกสมทบกัน ๕๐๐๐ พระวัสสา บ่เศษเหตุตามฎีกา หากวิสัชชนาแปลงสืบส่งถ่ายทอดสานต่อกันมาว่าฉันนี้แล ปริโยสานสมตฺตา ฯ