รักยม (สองผีพี่น้องภูตพรายมหาเสน่ห์)


รักยม
สองพี่น้องภูตพรายมหาเสน่ห์
            สิทธิการิยะ ครูบาอาจารย์เจ้าได้ประสิทธิ์ประสาทพรายอาถรรพ์มาแต่โบราณ พราย เป็นภูตผีจพวกหนึ่ง บังเกิดมาโดยพราย เรียกว่า ตายพราย โบราณจารย์ท่านจำแนกแขนงพรายเป็นอันมาก ประยุกต์มาเป็น น้ำมันพราย ผงพราย พรายหุ่นพยนต์ กุมารทอง พรายกุมารพกจุก พรายกระซิบ รักยม อิ่นจันทร์ อิ่นคู่ และอีกมากนัก 

            อนึ่งสายพรายที่นิยมเป็นอันมาก “รักยม” รักยมคือ สองศรีพี่น้อง หรือ แฝดพี่น้อง ปรากฏนิมิตรเป็นเด็กผู้ชายผมจุกสองคน แต่ในนิมิตภูตพรายแล้ว สองพี่น้องรักยมสามารถนิมิตรภูตพรายเป็นสองพี่น้องผู้ชายแรกรุ่น หรือสองพี่น้องวัยกลางคน หรือ สองพี่น้องวัยผู้ใหญ่ได้ ขึ้นแต่จุดประสงค์ในนิมิตรภูตพรายและแรงพรายของภูตพรายที่สถิตอยู่ หากกำลังแรงภูตพรายทรงพลังมาก สามารถเกิดนิมิตภูตพรายได้ทุกช่วงวัยปรากฏ หรือรักยมที่มีพรายช่วงวัยนั้น ๆ มาสถิตย่อมบังเกิดเป็นช่วงวัยนั้น ๆ มิจำเป็นต้องเกิดเป็นเด็กโกนจุกแต่อย่างใด 

            การบังเกิดภูตพรายในรักยมบังเกิดได้ ๓ ประการ ดังจักพรรณนาไว้เช่นนี้
ประการหนึ่ง ภาวนาบังเกิดนิมิตร
            เกิดจากแรงครู แรงคาถาอาคมที่ผู้ผูกพรายนั้นบริกรรมจนบังเบิดนิมิตรภูตพรายเป็นตัวเป็นตน แล้วตรึงไว้ในหุ่นหรือเครื่องรางสายพราย รักยมที่บังเกิดโดยวิธีนี้จะปรากฏเป็นเด็กผมจุกสองตนเป็นอันมาก มาตามแบบฉบับตำราคัมภีร์โบราณ

ประการสอง ภูตผีพรายมาสถิต
            บังเกิดแต่มีภูตผีวิญญาณตายพราย มาสิงสถิตอยู่ในหุ่นหรือเครื่องรางสายพราย มาโดยสิงสู่ มาอยู่ด้วยชักนำ หรือผูกสะกดไว้ ก็แล้วแต่วิธีการโดยสะดวกของผู้ผูกพราย รักยมที่บังเกิดโดยวิธีนี้จะปรากฏเป็นสองศรีพี่น้องชายวัยต่างตามผีพรายที่มาสถิตเป็นอันมาก

ประการสาม เทพนิมิตลดรูปจุติเป็นพราย
            สายพรายที่หาโดยยาก คือเทพลดรูป พบได้โดยพรายติดไม้ เทพพยดาอารักษ์ฤว่านางไม้นางป่าสิงสู่อยู่ในเรือนไม้ใหญ่ พอหมดบุญไม่ปรารถนาจุติอื่นใด จำหลักจำแลงสิงสู่อยู่โดยผูกพันธนาการกับต้นไม้นั้น เมื่อคราวต้นไม้ตายพรายไปสิ่งที่สิ่งสถิตมิออกไปตาม ผู้ผูกพรายได้พบเจอเข้าจึงได้อัญเชิญเหล่าพรายติดไม้มาโดยนิมิตภูตพราย รางไม้ทำเป็นเรือ รางไม้ทำเป็นเกวียนเทียม รางไม้ทำเป็นเทวรูป รางไม้ทำเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้อาถรรพ์มากมาย รักยมที่บังเกิดโดยวิธีนี้ จักพิสดารนักตามตำนาน
                        สองเกลอเทพบุตรมาจุติ  นิรมิตปราสาทวิมานหน
                        สถิตประดิษฐ์เวชไชยน   ด้วยกมลสิงสู่หมู่พฤกษพันธ์
                        เทพบุตรสุดซนสถิตอยู่   เมกไม้คู่รักซ้อนหฤหรรษ์
                        อีกองค์ทรงเสน่ห์สถิตพลัน เวชยันต์ไม้มะยมสมฤทัย
                        คราหมดบุญจุติมิอาจแยก  แลผิดแผกแตกไปในเวหน
                        พึ่งสถิตติดอยู่ไม้มงคล  แล้วยืนตนนิ่งตายพรายผลัดใบ
                        รากมะยมแห้งสีขาวสังข์  ประดุจดังจันทรายามเพ็ญแสง
                        รากรักซ้อนดำเทาสีสำแดง  บอกแถลงจันทรายามดับดวง
                        ผู้นิมิตเหตุกรรมนำมาถูก อัญเชิญผูกเทพพรายบัตรบรวงสรวง
                        แปลงจุติเทพมาพรายทั้งปรวง สถิตดวงภูตภายเป็นรักยม  
            ผู้ที่มีพรายประเภทนี้ประเมินค่ามิได้ แม้พันตำลึงทองก็มีเท่าเทียม รักยมนี้รูปนิมิตเป็นดุจเทพบุตร ฤาเป็นชายหนุ่มสุดวิจิตรตระการตา ตนหนึ่งผิวขาวผุดผ่องละอองไอ ใครเห็นมีใจเสน่ห์หา ตนหนึ่งผิวคล้ำคมเข้มแข็ง ใครเห็นเป็นพิศวาสในทันที  
            บุราณจารย์เจ้าได้ปรารภถึงความอัศจรรย์แห่งรักยมแสนสนพิกลนัก รักสนุกสนานเฮฮ่าปราศรัยพูดเก่งเจรจาพาทีจำนรรจาอัธยาศรัยดี มีเสน่ห์ยิ่งนัก มหาเสน่ห์มหานิยมผู้คนนิยมชมชอบ จะขึ้นเรือไปค้าขี่ม้าไปขาย ต่างเกวียณไปค้าเร่สำเภาไปขายก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า แม้นภูตพรายนั้นแข็งแกร่งนักสำแดงเดชช่วยกระทำการต่างๆของผู้เป็นนายได้ตามประสงค์

ตําราเจ้ารักเจ้ายม

            สิทธิการิยะ ถ้าจะทำเจ้ารักเจ้ายม ท่านให้ใช้รากมะยม ตายพรายเอารากที่ชี้ไปทางทิศตะวันออก เมื่อจะไปเอานั้นให้เอา หมากพลูดอกไม้ธูปเทียนไปพลีเอามา ให้พูดเองเออเองแล้วให้ไป เอารากรักซ้อนให้กระทำดุจเดียวกัน จึงให้เอามาแกะเป็นรูปกุมารขึ้น มะยมตัวหนึ่งรักซ้อนตัวหนึ่ง (การแกะนั้นนิยมแกะเป็นรูปเด็กหัวจุก กําลังตั้งท่ากําหมัดจะชกมวย) จึงให้เสกด้วยอาการ ๓๒ และ ปัญจักขันธาบทละ ๗ ที่ แล้วให้ลง ๑ จิเจรุนิ
ที่ในตัวกุมารทั้ง สองนั้น จึงให้ปลุกด้วยคาถานี้
จิเจรุนิ จิตตัง เจตตะสิกกังรูปัง นิมิตตัง กุมาโรวา เจ้ารัก เจ้ายมอาคัจฉาหิ เอหิ เอหิ นะมะพะทะ  เสร็จแล้วจึงให้เอากุมารทั้งสองนั้นใส่ลงในขันสัมฤทธิ เอาน้ำมันหอมใส่ลงด้วยให้เอาคาถานี้ปลุก
กะจะภะสะ  ปลุกจนได้นิมิตรดี (คือเห็นเป็นประดุจดังว่ากุมารทั้งสองนั้นผุด ลุกขึ้นยืนเล่นกันได้ จึงจะนับว่าใช้ได้) ถ้ายังไม่เห็นนิมิตรให้ปลุกเรื่อย ไปจนเป็นเถิด ให้เอากุมารทั้งสองนั้นพร้อมด้วยน้ำมันหอมใส่ลงใน ขวดให้เอาติดตัวไปด้วยวิเศษนัก น้ำมันนั้นให้ทาหน้าทาตาเป็นเสน่ห์แก่คนทั้งหลาย เมื่อจะมีที่ไปไหนให้เรียกกุมารนั้นด้วยคาถานี้
เอหิตาตะปิยะปุตตะ ปุเรกะมะมะปาระมิง หัทยังเมภิสิญ เจถะ กะโรถะวะจะนังมะมะ เสก ๓ ที่ ๗ ที่
                บอกความประสงค์ของเราอธิษฐานแล้ว จึงเอาติดตัวไปด้วย เอาน้ำมันหอมเจิมหน้าทาคิ้วเราไปเถิด เป็นที่เมตตามหานิยมแก่ คนทั้งปวง ประสิทธินักแล
คาถารักยม
                             จิเจรุนิ จิตตัง            เจตตะสิกกัง รูปัง
                        กุมาโรวา นิมิตตัง                 เจ้ารัก เจ้ายม อาคัจฉาหิ
                        จิตติ เอหิ เอหิ                        นะมะพะทะ
                        นะมะพะทะ                          นะมะพะทะ
คาถารักยมใส่นาม
                             จิเจรุนิ จิตตัง           เจตตะสิกกัง รูปัง
                        กุมาโรวา นิมิตตัง เจ้ารัก (..ใส่นาม..) เจ้ายม (..ใส่นาม..) อาคัจฉาหิ
                        จิตติ เอหิ เอหิ                        นะมะพะทะ
                        นะมะพะทะ                          นะมะพะทะ

คาถาเลี้ยงพราย สายพราย
                        โอม มะอัดแอ ลืมพ่อลืมแม่ ปู่เจ้าสมิงไพร
                        ช้างกินก็ลืมโรง โขลงกินก็ลืมไพร อะอยู่ไม่ได้
                        โมร้องไห้มาหากู มาจนถึงสำนัก มาตามหลัก
                        มาตามโขลง นางทองอย่าเสือก นางเผือกอย่าทัดไพร
                        อะอยู่ไม่ได้ โมร้องไห้มาหากู โอมมะอะทิ

                        เอหิ มะมะ นะมะพะทะ นะอะระหัง
คาถาเรียกรักยม
                                ๏ เอหิ รักยม เอหิพรายทอง ปิยังมะมะ
                                    อารักขานะ ปัจจะโย เจ้ารักเจ้ายม 
                                    จงมา จงมา เอหิมะมะ อาคัจฉาหิ 

จบเรียงรักยมแต่เพียงเท่านี้
------------------------------------------
สองสหายภูตพรายรักยม ของ ๙ มหาเวทย์ ใช้คาถาดังนี้

                        โอม จิเจรุนิ จิตตัง              เจตตะสิกกัง รูปัง 
                        เจตตะภูตวา นิมิตตัง           
จัตตุระภูเต วิกรึงคะรัง
                       
ยมม์รักษ์ อะนุรักขันตุ        ยมม์รักษ์ อาคัจฉาหิ       
                       โอม
เอหิ ปถวี เอหิ อาโป    เอหิ เตโช เอหิ วาโย
                        เอหิ จิตติ เอหิ จิตตัง           เอหิ มะอะอุ วิกรึงคะเร
                       โอม เอหิ ภูตะ ภูตะ ภูตา     เจตตะภูตวา จุตินัง  


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น