น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ในพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ




                        น้อมรำลึกในสายธารน้ำพระราชหฤทัยและพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้
                                   ใน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
                        มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร 


                                ด้วยอานิสงค์แห่งผลบุญที่เกล้ากระหม่อมบำเพ็ญมาแต่ชาติปางใด
                        ขอพระบรมราชานุญาตน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล
                                   ในใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท ขอพระองค์เสด็จสู่สวรรคาลัย

                                  ควรมิควรแล้วแต่จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม
                                        ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้าฯ 

                                                                    
 ๙ มหาเวทย์
                                                                ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙

...................................................................

ถวายอาลัย แด่ ในหลวง ท่านทรงเป็นพ่อหลวงแห่งแผ่นดิน


                   กลอนถวายอาลัย
       แสงหนึ่ง บนฟากฟ้า ส่องสว่าง
เป็นหนทาง ชาวประชา ไทยทั้งผอง
สองรอยเท้า ของพ่อ เป็นครรลอง
มือทั้งสอง พ่อท่านจูง สอนลูกเดิน
       พ่อเป็นดั่ง ร่มโพธิ์ แผ่ใบใหญ่
ดั่งร่มไทร ใบหนา ที่กว้างขวาง
เป็นร่มเงา อันร่มเย็น ตลอดทาง
พ่อทรงสร้าง ทางไว้ ให้ลูกเดิน
       พ่อประดุจ ภูผา ที่สูงใหญ่
ไม่หวั่นไหว ยามพายุ เข้าถาโถม
ยามแห้งแล้ง เป็นสายฝน คอยชะโลม
คอยประโลม ยามลูกเจ็บ พ่อปลอบใจ
       แสงประทีป ขจัด ความมืดมิด
ประกาศิต ของพ่อ เป็นคำสอน
ขจัดทุกข์ บำรุงสุข ราษฏร
พ่ออวยพร ให้ลูกนั้น สุขสบาย
        ในวันนี้ แสงนั้น กลับดับลง
ความมั่นคง ในใจ ลูกสั่นไหว
พ่อไม่อยู่ คราวนี้ จากเราไกล
พ่อจากไป จากชาวไทย ทั้งแผ่นดิน
        ดังมวลเมฆ หมอกมัว ลอยมาปิด
มืดสนิท ทั่วทิศ ทุกแห่งหน
ร่มไม้ใหญ่ ใบหนา โรยร่วงหล่น
ความร้อนรน ปนเศร้า เคล้าน้ำตา
          ภูผาใหญ่ ถล่ม ลงมาแล้ว
สายลมแผ่ว พายุพัด ก็เหน็บหนาว
ที่พักพิง อันอบอุ่น ทุกครั้งคราว
บัดนี้ร้าว พังทลาย สลายไป
                                โคลงมรณานุสติ
        เวลาย่อมผ่านพ้น          ไม่คืน
วันนี้คือวันมะรืน                  พรุ่งนี้
เวลามิอาจหวนคืน                ให้ย้อน กลับมา
วันคืนที่ล่วงลับแล้ว              คาดแคล้วจากลาฯ
        เช้านี้ได้พบหน้า           สายพราก
สายบ่คลายแยกจาก              บ่ายม้วย
บ่ายสุขสบายมาก                 ค่ำดับ มรณา
เย็นอยู่ยืนหยัดได้                  ราตรีสิ้นชีวายฯ

๙ มหาเวทย์
      ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙

.....................................................................................
ถวายบังคมพระบรมศพ

      กราบบังคมพระบรมราชา
ประทับเหนือพระแท่นแว่นฟ้า
สถิต ณ บรมโกศประดับมาลา
ใต้มหาเศวตฉัตรพระนพปฎล
     ธ สถิตในดวงใจไทยทั่วหล้า
ธ เสด็จสู่ชั้นฟ้าสรวงสวรรค์
ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์
ธ ทรงเป็นมิ่งขวัญนิรันดร
     น้อมเกล้าส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
น้อมดวงใจส่งพระองค์สู่สวรรค์
น้อมดวงจิตส่งกุศลทุกคืนวัน
น้อมให้ท่านทรงสำราญพระหฤทัย
      ขอเป็นข้ารองพระบาททุกชาติใป
ขอรับใช้ใต้พระบาททุกชาติภพ
ขออยู่ใต้พระบารมีทุกภูมิที่บรรจบ
ขอน้อมนบไว้เหนือเกล้าตลอดกาลฯ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอถวายสัตยาธิษฐานเป็นปณิธาน
ขอดวงพระวิญญาณของท่านทรงสดับเป็นสักขีพยาน

                        “ วันหนึ่งวันใดที่เกล้ากระหม่อมได้รับใช้ประชาชน เป็นข้าในแผ่นดินนี้
                        เกล้ากระหม่อมขอถวายคำปรารภด้วยเจตนารมณ์นี้
                        ตราบใดที่ความทุกข์ทรมานจากโรคภัยยังไม่สิ้นไป
                        เกล้ากระหม่อมจะขออยู่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั้งมวล
                        จวนจนผู้คนทั้งหลายจะพ้นจากความทุกข์ทรมาน
                        เกล้ากระหม่อมจะรักษาร่างกายที่เจ็บป่วยและเยียวยาจิตใจที่เจ็บปวด
                        ขจัดความทุกข์ทรมาน
จากโรคภัยเหล่านั้นให้หมดสิ้นไป ”

                                                                                           ๙ มหาเวทย์
                                                           ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง
                                                                           
      ๖ - ๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๙



                                                                                   



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น