โองการมารวิชัย

โองการมารวิชัย


              ๏ โอมสิทธิไชยไกรธรบวรนารถ ข้าพระบาทจะก้มเกล้าดุษฏี ยอกรชุลีขึ้นไหว้นบ ในไตรภพ พระบาทพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ จึงมาชุมนุมกันบ่มินาน ในบุษบกพิมานด้วยกัน จึงปันแบ่งแต่ละแห่งแต่ละอัน พระอิศวรผู้เป็นเจ้านั้น เธอจึงตรัสใช้ให้พระเพชรฉลูกรรมลงมาสาปสรร ในพื้นพิภพจบพระธรณี พระศรีคงคามหาสมุทร อันไหลมาบ่มิรู้สิ้นสุดแห้งเหือดหาย พระอิศวรพระนาราย์แลท้าวพันตา เธอจึงจะให้หาปุ่มเปือกผงเผ่าเถ้าธุลีอันมีในชลาลัยนัทธี ตั้งเป็นคีรีภูผาพฤกษาเส้นหญ้า ช้างมาวัวควาย คชสีห์ราชสีห์ กรุงพาลีแลเถื่อนถ้ำถ้วน พระปรเมศวรเจ้าหล้ามาทั้งฟ้าครอบพระธรณี มีทั้งกินนรีแลกินนร ทั้งพระฤาษีสิทธิวิทยาธรไกรสรอันศักดิ์สิทธิ์ ทั้งอาทิตย์แลพระจันทร์ เป็นวันเป็นคืน เป็นปีเป็นเดือน ลอยเลื่อนเกลื่อนตามกันมา ส่วนพระพิรอดจึงสำแดงตั้งแก้วจักรวาล รายรอบกั้นบาดาล พิภพจบสายสินธุ์ มีทั้งพระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ พระจัตตุโลกบาล พระโมคคัลลาน์ พระสารีบุตร พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ชุนุกันได้เก้าโกฏิ์เก้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นในพื้นแผ่นแท่นพสุธา ปรึกษาโดยวิสัย ตั้งมารวิชัยเป็นเอก ขี่ช้างเมขลาพลนิมิตตนใหญ่กว่าฟ้า หน้าใหญ่กว่าพระธรณี มีศรีกว่าพระอาทิตย์ มีฤทธิ์ใหญ่กว่าเทวดา มีตาร้อนดังเปลวไฟ ขึ้นชื่อว่ามารวิชัย เธอจึงให้กูเก็บยาทุกแหล่งหล้า แสนชั้นฟ้าหมื่นบาดาล จึงมีสารพระโองการเก็บเอายาถึงเก้าโกฏิ์เก้าแสนในพื้นแผ่นพสุธาดล กูจักชุบด้วยมนต์อันกูได้เหล่าเรียน ชื่อพระศรีไชยกังเวียนเป็นศัสตรา กูจักมาปราบกำราบสารพัดพิษ พระเจ้าประสิทธิ์กำเนิดในฟ้า ฟ้าก็มาระย่อ สูย่อมกินคน ตนกูจึงประสิทธิ์ สูอยู่ทิศทั่วกำแพงจักรวาล อยู่ด้วยท้าวกุเวรศาลยักษ์ พระปรเมศวรผู้เป็นเจ้า ตั้งกูเป็นนายแก้ผีเสื้อผีพราย สารพัดผีทั้งหลายในแหล่งหล้า ตีนค้ำฟ้าหน้าค้ำดิน สูย่อมกินคนเป็นอาหาร ได้ฟังสารกูมาเล่ากูมาพ่นเอาด้วยยาสารพัดพิษ พระเจ้าประสิทธิ์แก่กู คือโลกะวิทูอันเป็นใหญ่ กูจักใส่ด้วยอาคม กูจักประสมด้วยมนต์อันวิเศษ พระเจ้าตั้งอุปเทศแก่กู กูจะพ่นภูเขาภูเขาก็แตก กูจักพ่นแผ่นดินแผ่นดินก็แหลกทำลาย กูจักพ่นฟ้าฟ้าก็กระจาย กูจักพ่นสายสินธิ์พระสมุทรสาครทั้งหก กูจึงยกพระไตรปิฏกกรรไตรเป็นพระขรรค์ไชยศรี กูจักพ่นไปแต่ละทีตัดฝูงผีฝูงเหือด ฝูงเลือดฝูงลมอันมีพิษ ฝูงหิต ฝูงเรื้อน ฝูงเกลื้อน ฝูงกราก ฝูงฝีกระอากกระตังบาบ ฝีเกร็ดแรต ฝีแกรบในเกวียน ฝีทุเรียนฟกข้อ อันเกิดในคอในอก ตกในแข้งในขา อันมาในตีนแลในมือ ถือในเนื้อแลหัวใจ เกิดภายในแลภายนอก ออกทั้งสรรพางค์ ทั้งพิษงูทับทางแลงูเห่าแรงตลอด งูงอดตะบองพะลำตะบองพะลากระอากระอาก ลายสาบพิษตะเข็บแลตะขาบแมงป๋อง ทั้งพิษไฟเหล็กบาตร คุทราดมะเร็งช้าง มะเร็งม้า มะเร็งควาย มะเร็งวัว มะเร็งฝักบัว มะเร็งซับ มะเร็งซอน มะเร็งซ้ำ มะเร็งซึม มะเร็งคัน มะเร็งลา มะเร็งไข่ปลา มะเร็งไร มะเร็งไฟ มะเร็งตะมอย มะเร็งดอก ออกทั่วทั้งงูสวัด กูจักปัดฝีหัวคว่ำและฝีหัวหงายดาวรายแก้ว ระลอกออกทั่วทั้งตัว ให้คลั่วมั่วเป็นบ้าร้อน คือเปลวไฟอยู่ผะผ่าว ได้ฟังสารกูมากล่าว ก็ระงับดับพิษลงไปมิใด้เหน เย็นดังน้ำอยู่ในบาดาล กูจึงเอาสารพระโองการนี้ มาขับทั้งผีป่าผีเหว ผีพรายผีตายห่า ผีตายโหง ผีโป่งมารทะลุน ทั้งฝูงอุบาทว์ ทั้งคนอาพาธ คนจัญไร คนไข้ผอมเหลือง คนเงื่องคนเหงาคนเศร้า คนทุกข์คนจุก เป็นมะเร็งคุดริดสิดวง เป็นป้างเป็นป่วงเป็นไอเป็นไข้ตะคริว เป็นนิ่วเป็นต้อ หูหนวกตาฟาง เป็นเขม่าเกิดเป็นตาล เกิดกาฬอุบาทว์ เป็นไข้ตามืด เป็นหืดรำมะนาด ยากวาดนางเอื้อย ยาเมื่อยนางอิน ยากินนางฟ้า ยาทานางปลวก สูสามร้อยจำพวกนี้ กูจักขับสูออกไป แม้สูมิไปกูจักเอาไฟมาเผา กูจักยกเอาภูเขาเข้ามาทับ กูจักกลับแผ่นดินเข้ามาปก กูจักยกแผ่นฟ้าเข้ามาครอบ กูจักหอบสูบไว้ด้วยกัน กูจักฟันสูด้วยจักรพระนารายณ์ กูจักวายด้วยหอก กูจักตอกด้วยสิ่ว กูจักหิ้วหัวใจให้บรรลัยย่อยยับ  อย่าให้สูเข้ามาใกล้กาย สูต้องมนต์กูจงถอนหาย สูต้องวัวควาย ต้องช้างม้า กูจักฆ่าสูจงสิ้น กูจักปราบพิษสูจงให้ราบ กูจักบำราบพิษสูจงอย่าเงย ว่าเหวยสูมิรู้จักกูนี่หรือ ตัวกูนี้คือท้าวพรหมสีหราช แม่กูชื่อนางนาฏภควดี พ่อกูชื่อพระศรีปรเมศวร หน้าเป็นนวลมิรู้เศร้า พระพุทธเจ้าเป็นครูแก่กู คือโลกะวิทูอันเป็นใหญ่ ด้วยเดชพิสดารแห่งพระเจ้านั้น สูทั้งหลายจงมาระงับ กูจักขับสูไปนอกจักรวาล กูมีการงานกูจักเรียกสูมาใช้ กูเป็นไข้กูจักเยกสูมารักษา กูจักหายกูจักเรียกสูมาช่วย กูป่วยกูจักให้สูส่งส่วยอย่านาน ตามครูอาจารย์ประสิทธิสวาหายะ โอมทุเร ทุเร สวาหายะ๚๛

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น