นะหน้าทอง
และสาลิกาลิ้นทอง
แกรก ..แรกกก ....แกวก พิ้ว....พริ้วว.....พีพ........
ได้เสียงนกเอี้ยงสาลิการ้องอยู่บ่อยครั้ง
ได้เสียงนกเอี้ยงสาลิการ้องอยู่บ่อยครั้ง
ชรัก....ช้าก.......ช้าก เกี้ยก พีพ........
แล้วยังนกสาลิกาเขียว
สาลิกาดง(ขุนแผน) และนกแม็กพาย(สาลิกาปากดำ)ที่ไล่จิกคน
ว่ากันว่า เสียงนกสาลิกานั้นไพเราะเพราะพิงยิ่งนัก ใครได้ยินเป็นนิ่งแล้วเงี่ยหูฟัง เสียงนั้นจนจับใจ คิดหลงใหลในเสียงนกสาลิกา คล้ายประดังเสียงนกการเวกที่บรรเลงมาทีใดทั้งสวรรค์เป็นนิ่งฟัง ประดุจดั่งถูกมนต์สะกดตราตรึงไว้ในหัวใจ ราวกลับสายลมพัดเอาละอองไอมากระทบผิวแล้วรู้สึกชุ่มเย็น ขนขู่ลุกสู้ก็มีปาน ไว้วันหลังจะมาเขียนเรื่องนกการเวก
สาลิกา เป็นนกในตระกูลกา สาลิ+กา ได้ชื่อนี้เพราะอะไร? อนึ่งว่านกตัวดำ เป็นกา กินแต่เมล็ดข้าวสาลี ใช่แล้วครับ สาลิกา มาจากสีดำกับชอบลงทุ่งข้าวสาลีนั้นเอง สาลิ คือ ข้าวสาลี ก็ทางเราเรียกอย่างนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ในภาษาบาลีสันสกฤต มีคำว่า
“สาลิกา สาลิกฺเขตตํ กรวีโก” แปลว่า นกสาลิกา นกแห่งข้าวสาลี เขาสัตตบริภัณฑ์
ซึ่งคำว่า กรวีโก ก็แปลว่า นกสาลิกาเช่นกัน
นกสาลิกา ทั้งสาลิกาดงที่ตั้งชื่อว่าสาลิกาขุนแผน
นกสาลิกาแม็กพายที่ไล่จิกคน นกเอี้ยงสาลิกา และนกสาลิกาเขียวสีสวย
นกสาลิกามีอยู่หลายตัวแต่ที่แน่ๆ นกเอี้ยงสาลิกา นั้นแหละต้นแบบของสาลิกาลิ้นทอง
เพราะด้วยเสียงร้องเหมือนแหกในลำคอว่า “แกรก แกรก แกรก.....” กับเสียงแหลมเรียวเพียวดังผิวปากดัง
“พริ้วว.....พีพ........” เป็นไปไม่ได้เลยที่ใครได้ยินแล้วจะไม่สงสัยว่ามันเป็นนกอะไร
อยากเห็นตัวหรือไม่สนใจแต่มันก็ได้ยินเข้าหูบ้างล่ะ ซึ่งมองตามเสียงไปก็จะเจอเจ้าของเสียงเอง
หาได้ไม่ยากเลยสักนิด แล้วลิ้นทองมาจากไหน? ปากนกเอี้ยงสาลิกาเป็นสีเหลือง
แต่นิสัยส่วนตัวของพวกนกพวกนี้คือตบตีกับชาวบ้าน จับจิกตีต่อสู้ทะเลาะวิวาทกับนกทั่วไป
บูรพาจารย์โบราณก็คิดค้นตำหรับสาลิกาลิ้นทอง ซึ่งเป็นวิธีที่คล้ายกับการลงนะหน้าทอง สาลิกาลิ้นทองแต่เดิมนั้นจะลงทองบนลิ้น คือการทำแผ่นทองคำเปลวบริสุทธิ์แปะบนลิ้นพร้อมบริกรรมคาถาสาลิกาลิ้นทอง ซึ่งอาจารย์ผู้แกร่งกล้าในคาถาอาคมนั้นสามารถดูได้จากทองคำที่แปะไว้จะซึมหายเข้าไปในลิ้น ในวิธีเดียวกันนี้เอง นะหน้าทอง เป็นการนำทองคำเปลวมาปิดให้ทั่วหน้า แล้วทองคำซึมหายเข้าไปในร่างกาย พอจะเรียกของมาใช้ก็บริกรรมคาถาแล้วทองคำเปลวที่ซึมไปนั้นจะปรากฏออกมาประดุจใส่หน้ากากสีทอง บ้างก็ผิวเหลืองสว่างดุจเอาทองมาทาไว้ ปัจจุบันแทบจะไม่มีของอะไรแบบนี้ปรากฏให้เห็น
นะหน้าทอง ดัดแปลงมาจากรามายณะ กล่าวคือ “พระลักษณ์หน้าทอง” พระลักษณ์ผู้เป็นน้องชายของพระราม รูปร่างสง่างาม ทั้งคนทั้งเทวดาเป็นต้องหลงรัก จึงทำให้เกิดวิชานะหน้าทองขึ้นมาในที่สุด และมาจากพระเวทหนึ่งที่ชื่อว่า นะปถมังพินธุ หรือ คัมภีร์ปถมัง 8 วรรค
การลงนะหน้าทอง ลงทั้งหมด 9 จุด คือ
1. หน้าผาก เป็นจุดใหญ่ที่สุดของใบหน้าและถือเป็นจุดที่สามารถเห็นเด่นชัด จุดนี้ถือว่าเป็นที่รวมของสิริบนใบหน้า และเป็นจุดสำคัญที่สุดในการลงนะหน้าทอง
2. เปลือกตา หรือใต้ตา จุดนี้เพื่อให้ยามที่ใครสบตาเรา หรือยามที่เรากระพริบตา ผู้ที่มองเราอยู่จะรู้สึกนึกรักและนิยมในตัวเรา
3. แก้ม เพื่อให้เป็นที่รัก การลงที่แก้มจะเรียกว่าวิชาพรหมสี่หน้า เป็นเมตตาอย่างประเสริฐ
4. กราม เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือยามพูด
5. ที่ติ่งหูสองด้าน เป็นที่สถิตของเทวดารักษาอายุ
6. ท้ายทอย เพื่อเป็นที่รักยามที่คนมองเราจากด้านหลัง
7. ลิ้น เรียกว่า สาลิกาลิ้นทอง เพื่อเป็นเสน่ห์หลงรักในยามพูด
8. กระหม่อม เป็นจุดเข้าออกของวิญญาณและปราณพลังชีวิต
9. คาง เป็นส่วนที่ต่ำสุดของใบหน้า ลงจุดนี้เพื่อเป็นที่เคารพยำเกรง
วิธีการลง นะหน้าทอง
บูรพาจารย์โบราณก็คิดค้นตำหรับสาลิกาลิ้นทอง ซึ่งเป็นวิธีที่คล้ายกับการลงนะหน้าทอง สาลิกาลิ้นทองแต่เดิมนั้นจะลงทองบนลิ้น คือการทำแผ่นทองคำเปลวบริสุทธิ์แปะบนลิ้นพร้อมบริกรรมคาถาสาลิกาลิ้นทอง ซึ่งอาจารย์ผู้แกร่งกล้าในคาถาอาคมนั้นสามารถดูได้จากทองคำที่แปะไว้จะซึมหายเข้าไปในลิ้น ในวิธีเดียวกันนี้เอง นะหน้าทอง เป็นการนำทองคำเปลวมาปิดให้ทั่วหน้า แล้วทองคำซึมหายเข้าไปในร่างกาย พอจะเรียกของมาใช้ก็บริกรรมคาถาแล้วทองคำเปลวที่ซึมไปนั้นจะปรากฏออกมาประดุจใส่หน้ากากสีทอง บ้างก็ผิวเหลืองสว่างดุจเอาทองมาทาไว้ ปัจจุบันแทบจะไม่มีของอะไรแบบนี้ปรากฏให้เห็น
นะหน้าทอง ดัดแปลงมาจากรามายณะ กล่าวคือ “พระลักษณ์หน้าทอง” พระลักษณ์ผู้เป็นน้องชายของพระราม รูปร่างสง่างาม ทั้งคนทั้งเทวดาเป็นต้องหลงรัก จึงทำให้เกิดวิชานะหน้าทองขึ้นมาในที่สุด และมาจากพระเวทหนึ่งที่ชื่อว่า นะปถมังพินธุ หรือ คัมภีร์ปถมัง 8 วรรค
การลงนะหน้าทอง ลงทั้งหมด 9 จุด คือ
1. หน้าผาก เป็นจุดใหญ่ที่สุดของใบหน้าและถือเป็นจุดที่สามารถเห็นเด่นชัด จุดนี้ถือว่าเป็นที่รวมของสิริบนใบหน้า และเป็นจุดสำคัญที่สุดในการลงนะหน้าทอง
2. เปลือกตา หรือใต้ตา จุดนี้เพื่อให้ยามที่ใครสบตาเรา หรือยามที่เรากระพริบตา ผู้ที่มองเราอยู่จะรู้สึกนึกรักและนิยมในตัวเรา
3. แก้ม เพื่อให้เป็นที่รัก การลงที่แก้มจะเรียกว่าวิชาพรหมสี่หน้า เป็นเมตตาอย่างประเสริฐ
4. กราม เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือยามพูด
5. ที่ติ่งหูสองด้าน เป็นที่สถิตของเทวดารักษาอายุ
6. ท้ายทอย เพื่อเป็นที่รักยามที่คนมองเราจากด้านหลัง
7. ลิ้น เรียกว่า สาลิกาลิ้นทอง เพื่อเป็นเสน่ห์หลงรักในยามพูด
8. กระหม่อม เป็นจุดเข้าออกของวิญญาณและปราณพลังชีวิต
9. คาง เป็นส่วนที่ต่ำสุดของใบหน้า ลงจุดนี้เพื่อเป็นที่เคารพยำเกรง
วิธีการลง นะหน้าทอง
กำหนดน้อมจิตอธิษฐานให้หน้าของเราเป็น
"พระพักตร์พระลักษณ์หน้าทอง"
เข้าหาเจ้านายเป็นเมตตาอย่างประเสริฐสุดสารพัดจะใช้เอาเถิด วิเศษยิ่งนักแล
ใช้เสกหน้าทองก็ได้
ตั้ง นะโม ๓ จบ
ลง นะ บนกลางกระหม่อม ก็ให้กำหนดจิตนึกเขียนที่กลางเศียร
"พระลักษณ์หน้าทอง" เป็นอักขระตัว นะ
นะ กาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ ขออัญเชิญพระกุกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาอยู่เบื้องศรีษะของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
นะ กาโร สุวัณโณเจวะ นะ งามคือดังแสงทอง รัศมีสีส่องไปทั่วสากลกายา
เป็นที่เสน่หาแก่คนทั้งหลาย เดชะพระกุกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
ลง โม กลางหน้าผาก
โม กาโร โกนาคะมโน นะลาฐิเต ขออัญเชิญพระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาอยู่ที่หน้าผากของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
โม กาโร มะณีโชตะกัง โม งามคือแสงแก้วมณีโชติ ส่องแสงโปรดอยู่เบื้องหน้าผาก
หญิงเห็นให้หลงไหล ชายเห็นให้หลงรัก เห็นหน้าให้ทายทักเป็นมหานิยม
เดชะพระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
ลง นะ บนกลางกระหม่อม ก็ให้กำหนดจิตนึกเขียนที่กลางเศียร
"พระลักษณ์หน้าทอง" เป็นอักขระตัว นะ
นะ กาโร กุกกุสันโธ สิโรมัชเฌ ขออัญเชิญพระกุกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาอยู่เบื้องศรีษะของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
นะ กาโร สุวัณโณเจวะ นะ งามคือดังแสงทอง รัศมีสีส่องไปทั่วสากลกายา
เป็นที่เสน่หาแก่คนทั้งหลาย เดชะพระกุกกุสันโธสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
ลง โม กลางหน้าผาก
โม กาโร โกนาคะมโน นะลาฐิเต ขออัญเชิญพระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาอยู่ที่หน้าผากของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
โม กาโร มะณีโชตะกัง โม งามคือแสงแก้วมณีโชติ ส่องแสงโปรดอยู่เบื้องหน้าผาก
หญิงเห็นให้หลงไหล ชายเห็นให้หลงรัก เห็นหน้าให้ทายทักเป็นมหานิยม
เดชะพระโกนาคมสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
ลงตัว ธะ บนหูซ้ายและขวา
พุท(ธ) กาโร กัสสะโป เทวกัณเณ ขออัญเชิญพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาอยู่ในโสตทั้งสองของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
พุท(ธ) กาโร สังขะเมวาจา พุท(ธ) งามคือแสงสังข์อยู่ในโสตทั้งสองของข้าพเจ้า
ป้องกันบำบัดโรค โรคาพยาธิทั้งหลาย เดชะพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
พุท(ธ) กาโร กัสสะโป เทวกัณเณ ขออัญเชิญพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาอยู่ในโสตทั้งสองของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
พุท(ธ) กาโร สังขะเมวาจา พุท(ธ) งามคือแสงสังข์อยู่ในโสตทั้งสองของข้าพเจ้า
ป้องกันบำบัดโรค โรคาพยาธิทั้งหลาย เดชะพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
ลงตัว ธา
บนเปลือกตาทั้งสองข้าง
ธา กาโร โคตะโม ทเวเนตเต ขออัญเชิญพระศรีศากกะยะมุนีโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาอยู่ในเนตรทั้งสองของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
ธา กาโร สุริยังเจวะ ธา งามคือดังแสงพระอาทิตย์
สมณชีพราหมณ์ มนุษย์ บุรุษ หญิงชายทั้งหลาย
เห็นเนตรทั้งสองของข้าพเจ้า ให้มีจิตคิดเมตตายินดี
เดชะพระศรีศากกะยะมุนีโคตมบรมครูเจ้า ประสิทธิวิชายะเต
ธา กาโร จันทังเจวะ ธา งามคือ แสงพระจันทร์
สมณชีพราหมณ์ มนุษย์ บุรุษ หญิงชายทั้งหลาย
เห็นเนตรทั้งสองของข้าพเจ้า ให้มีจิตคิดเมตตายินดี
เดชะพระศรีศากกะยะมุนีโคตมบรมครูเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
ธา กาโร โคตะโม ทเวเนตเต ขออัญเชิญพระศรีศากกะยะมุนีโคตมสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาอยู่ในเนตรทั้งสองของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
ธา กาโร สุริยังเจวะ ธา งามคือดังแสงพระอาทิตย์
สมณชีพราหมณ์ มนุษย์ บุรุษ หญิงชายทั้งหลาย
เห็นเนตรทั้งสองของข้าพเจ้า ให้มีจิตคิดเมตตายินดี
เดชะพระศรีศากกะยะมุนีโคตมบรมครูเจ้า ประสิทธิวิชายะเต
ธา กาโร จันทังเจวะ ธา งามคือ แสงพระจันทร์
สมณชีพราหมณ์ มนุษย์ บุรุษ หญิงชายทั้งหลาย
เห็นเนตรทั้งสองของข้าพเจ้า ให้มีจิตคิดเมตตายินดี
เดชะพระศรีศากกะยะมุนีโคตมบรมครูเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
ลง ยะ บนลิ้น
ยะ กาโร อะริยะเมตตรัยโย ชิวหาทีเต
ขออัญเชิญพระศรีอาริยะไมตรีสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาอยู่ในลิ้นของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
ยะ กาโร มุกขะเมวะจะ ยะ งามคือดังแสงมุกข์ส่องแสงสุกอยู่ในลิ้นของข้าพเจ้า
จะเจรจาพาทีด้วย สมณพราหมณาจาริย์ มนุษย์ บุรุษ หญิงชายด้วยถ้อยคำ
ให้มีจิตเมตตากรุณาแก่ข้าพเจ้าเถิด เดชะพระศรีอาริยะไมตรีสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
เสด็จมาอยู่ในลิ้นของข้าพเจ้า ขอพระบารมีเป็นที่พึ่ง
ยะ กาโร มุกขะเมวะจะ ยะ งามคือดังแสงมุกข์ส่องแสงสุกอยู่ในลิ้นของข้าพเจ้า
จะเจรจาพาทีด้วย สมณพราหมณาจาริย์ มนุษย์ บุรุษ หญิงชายด้วยถ้อยคำ
ให้มีจิตเมตตากรุณาแก่ข้าพเจ้าเถิด เดชะพระศรีอาริยะไมตรีสัมมาสัมพุทธเจ้า ประสิทธิวิชายะเตฯ
ลง นะ สาลิกาบนลิ้น
ชิวหายัง มะธุรัง วาจัง ชิวหาวาจันติ ผุสสิตตะวา จะ สุนทะรัง ปิยาเยวะ ปิยันตุนา
อิติ ปาระมิตตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา อิติโพธิ มนุษปัตโต อิติปิโส จะเตนะโม
พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริ มะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิระปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ อุนาโลมา ปันนะ วิชายะ เตฯ
เอหิ สาริกา ยังยัง พุทธัง อาคัจฉาหิ มะอะอุ สิวังพรหมมา จิตตัง วิญญาณัง กาหลงรัง แม่ทองคำ แม่ทองดำ แม่ทองเปลว แม่กาหลง องค์พุทธะนารายณ์ มานิมามา หญิงใด ชายใด ได้ยินเสียงกูให้จิตละห้อยคอยหา ผู้ใดเห็นหน้ากูแล้วขอให้มันรัก ผู้ใดทักกูแล้วขอให้มันหลง อมมหาสาริกา กรึงกะระณัง ตาวังตาวา มะมะเอหิสวาหะ
ชิวหายัง มะธุรัง วาจัง ชิวหาวาจันติ ผุสสิตตะวา จะ สุนทะรัง ปิยาเยวะ ปิยันตุนา
อิติ ปาระมิตตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา อิติโพธิ มนุษปัตโต อิติปิโส จะเตนะโม
พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ พุทธา อิริ มะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิระปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ อุนาโลมา ปันนะ วิชายะ เตฯ
เอหิ สาริกา ยังยัง พุทธัง อาคัจฉาหิ มะอะอุ สิวังพรหมมา จิตตัง วิญญาณัง กาหลงรัง แม่ทองคำ แม่ทองดำ แม่ทองเปลว แม่กาหลง องค์พุทธะนารายณ์ มานิมามา หญิงใด ชายใด ได้ยินเสียงกูให้จิตละห้อยคอยหา ผู้ใดเห็นหน้ากูแล้วขอให้มันรัก ผู้ใดทักกูแล้วขอให้มันหลง อมมหาสาริกา กรึงกะระณัง ตาวังตาวา มะมะเอหิสวาหะ
ลง พะ ข้างแก้มซ้ายและขวา
ปิโย เทวะนุสสานัง ปิโย พรหมานะมุตตะโม ปิโย
นาคะสุปัณณานัง
สะมะณัสสะภาวัง ปิยังมะมะ ปิยินทะรียัง นะมามิหัง
ปิโย เทวะนุสสานัง ปิโย พรหมานะมุตตะโม ปิโย นาคะสุปัณณานัง
ราชะภาวัง ปิยังมะมะ ปิยินทะรียัง นะมามิหัง
ปิโย เทวะนุสสานัง ปิโย พรหมานะมุตตะโม ปิโย นาคะสุปัณณานัง
อิตถีภาวัง ปิยังมะมะ ปิยินทะรียัง นะมามิหัง
ปิโย เทวะนุสสานัง ปิโย พรหมานะมุตตะโม ปิโย นาคะสุปัณณานัง
ปุริสะภาวัง ปิยังมะมะ ปิยินทะรียัง นะมามิหัง
สะมะณัสสะภาวัง ปิยังมะมะ ปิยินทะรียัง นะมามิหัง
ปิโย เทวะนุสสานัง ปิโย พรหมานะมุตตะโม ปิโย นาคะสุปัณณานัง
ราชะภาวัง ปิยังมะมะ ปิยินทะรียัง นะมามิหัง
ปิโย เทวะนุสสานัง ปิโย พรหมานะมุตตะโม ปิโย นาคะสุปัณณานัง
อิตถีภาวัง ปิยังมะมะ ปิยินทะรียัง นะมามิหัง
ปิโย เทวะนุสสานัง ปิโย พรหมานะมุตตะโม ปิโย นาคะสุปัณณานัง
ปุริสะภาวัง ปิยังมะมะ ปิยินทะรียัง นะมามิหัง
สัพเพชะนานัง พะหูชะนานัง คือคนทั้งหลายเอ๋ย
มึงเห็นหน้ากูให้มึงรักกู
ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งกลางวันกลางคืน ชะยัง สุขัง ลาภัง พุทโธโส ภะคะวา
ปัญจะพุทธา นะมามิหัง ปิยะเทวะ มนุสสานัง ปิโยพรหมา นะมุตตะโม
ปิโยนาคะ สุปัณณานัง ปิณินทะริยัง นะมามิหังฯ
ทั้งหลับทั้งตื่น ทั้งกลางวันกลางคืน ชะยัง สุขัง ลาภัง พุทโธโส ภะคะวา
ปัญจะพุทธา นะมามิหัง ปิยะเทวะ มนุสสานัง ปิโยพรหมา นะมุตตะโม
ปิโยนาคะ สุปัณณานัง ปิณินทะริยัง นะมามิหังฯ
ลง นะ ที่ คาง
สัพเพชะนานัง พหูชะนานัง คนทั้งหลายเอ๋ย
มึงเห็นหน้ากู จิตมึงผูกพันหดหู่พะว้าพะวัง มิได้ตั้งดำรงทรง ตะลึงหลงทุกราตรี
โอมสิทธิ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิติวัตตัพโพ อาคัจฉาหิ ตะมัตถังปะกาเสนโต
สัตถาอาหะ กูมีตะบะ เดชะดังพญาไกร สรราชสีห์สิงหะชาติโอมสิทธิจิตติจิตตัง
จิตติตะวัง พุทธรตนัง สังฆรตนัง อิธะเจตะโส ทัฬหัง คัณหาหิถามะสา นะชาลิติ ฯ
มึงเห็นหน้ากู จิตมึงผูกพันหดหู่พะว้าพะวัง มิได้ตั้งดำรงทรง ตะลึงหลงทุกราตรี
โอมสิทธิ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิติวัตตัพโพ อาคัจฉาหิ ตะมัตถังปะกาเสนโต
สัตถาอาหะ กูมีตะบะ เดชะดังพญาไกร สรราชสีห์สิงหะชาติโอมสิทธิจิตติจิตตัง
จิตติตะวัง พุทธรตนัง สังฆรตนัง อิธะเจตะโส ทัฬหัง คัณหาหิถามะสา นะชาลิติ ฯ
เมื่อท่องคาถานะหน้าทองแล้วอธิษฐานแผ่เมตตาว่า
พุทธัง อนันตัง ธัมมัง จักรวาลัง สังฆัง
นิพพานัง ปัจจโยโหตุ
คาถาหัวใจสาลิกา
นะชาลีติ
ฯ
คาถาสาลิกาลิ้นทอง
สำนวนที่ ๑
กุกะกุกัง กะระหังกายา
กุกากะสะ มุมะมูญมัง
กากมูลมา มะมามีมา
กุกะกุกัง กะระหังกายา
กุกากะสะ มุมะมูญมัง
กากมูลมา มะมามีมา
คาถาสาลิกาลิ้นทอง
สำนวนที่ ๒
พุทธา อะเนนา มะลิยา
สุสังคะเยมิ
พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ
อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต
พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ
อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต
คาถาสาลิกาคืนรัง
ชิวหายัง มะธุรัง วาจัง ชิวหาวาจันติ
ผุสสิตตะวา จะ สุนทะรัง ปิยาเยวะ ปิยันตุนา
อิติ ปาระมิตตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา
อิติโพธิ มนุษปัตโต อิติปิโส จะเตนะโม
ผุสสิตตะวา จะ สุนทะรัง ปิยาเยวะ ปิยันตุนา
อิติ ปาระมิตตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา
อิติโพธิ มนุษปัตโต อิติปิโส จะเตนะโม
คาถาสาลิกาแม่กาหลง
สาลิกากาหลง
เอหิ สาริกา ยังยัง พุทธัง
อาคัจฉาหิ มะอะอุ สิวังพรหมมา จิตตัง วิญญาณัง กาหลงรัง แม่ทองคำ แม่ทองดำ
แม่ทองเปลว แม่กาหลง องค์พุทธะนารายณ์ มานิมามา หญิงใด ชายใด ได้ยินเสียง กูให้จิตละห้อยคอยหา
ให้รักกูดังลูก “....” (ผู้ท่องคาถาเป็นผู้หญิงท่องใส่ว่า “ดังเมีย”
ผู้ท่องคาถาเป็นชายให้ท่อง “ดังผัว”) พุทธะ เมตตา ผู้คนไหลมา นะชาลีติ ธัมมะ เมตตา
ข้าวของไหลมา นะชาลีติ ธัมมะ เมตตา ข้าวของไหลมา นะชาลีติ ธัมมะ เมตตา
ข้าวของไหลมา นะชาลีติ สังฆะเมตตา เงินทองไหลมา นะชาลีติ
คาถาสาลิกาหลงรัง
โอมปลุกๆลุกแล้วอย่านอน
ครูกูสอนนอนแล้วอย่าช้า สาริกาเจ้าเอ๋ยอย่าเฉยเลยรา ครูสั่งเจ้ามาให้รักษาคุ้มครอง
ปกป้องเคหา ผู้ใดมีจิตคิดร้ายขอให้กลับใจเมตตาเภทภัยนานาขออย่าได้พบพาน ลาภและยศขอให้ปรากฏขึ้นทั้ง
๘ ทิศ มิตรขอให้บังเกิดขึ้นทั้ง ๘ด้าน ผู้ใดเห็นหน้ากูแล้วขอให้มันรัก ผู้ใดทักกูแล้วขอให้มันหลง อมมหาสาริกา กรึงกะระณัง ตาวังตาวา มะมะเอหิสวาหะฯ
จบ
นะหน้าทอง และสาลิกาลิ้นทองแต่เพียงเท่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น