แม่นาก : ผีตายทั้งกลม

แม่นาก : ผีตายทั้งกลม


เรื่องอีนากพระโขนงออกโรงสู้
จนคนดูดูไม่ได้มาหลายหน
ต้องเล่นใหม่เพื่อให้ทันใจคน
ทั้งห้าหนสิบหนยังล้นโรง


            แม่นากพระโขนง เรื่องนี้ไม่ใช่นิยายรักหวานแว่วโรแมนติก แต่ก็ไม่ใช่โศกนาฏกรรมความรัก เรื่องของแม่นากนี้เป็นเรื่องความรักของคนสองคนที่เป็นความรักจริง รักแท้ บริสุทธิ์ใจทั้งสองฝ่ายไร้สิ่งใดปรุงแต่ง ด้วยสัจจะจริงใจในความรักของทั้งคู่แม้ความตายก็มิอาจขัดขวางแม่นากได้
            แบบฉบับผีตายทั้งกลม ที่นับได้ว่าเป็นที่รู้จักกันทั่วเมืองไทยและนานาชาติ ผีตายทั้งกลม เขียนและอ่านได้ถูกต้องแล้ว บางที่เขียนว่า “ตายท้องกลม” เป็นการใช้คำที่ผิด อาจจะเข้าใจว่าตายตอนตั้งครรภ์ทั้งกลมๆ แต่ความจริงแล้วตามภาษาเขมร “ตายทั้งกลํ” อ่านว่า ตายทั้งกลม แปลว่าตายทั้งหมด ตายทั้งมวล ตายหมดสิ้น คือผู้หญิงที่ตั้งครรภ์แล้วตายทั้งแม่ทั้งลูก หรือขณะกำลังคลอดแม่ตายและลูกตายคราท้อง หรือ ขณะกำลังคลอดลูกเกิดออกมาแล้วไม่ทันร้องก็ตายและแม่ก็ตายตอนขณะคลอด แบบนี้ก็เรียกว่า “ตายทั้งกลม” เป็นการตายโหงประเภทหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเฮี้ยน บรมโคตรเหง้าของความเฮี้ยน ดังที่ปรากฏมาแล้วให้ชาวย่านบางพระโขนงเห็นผีแม่นาค บางก็ว่าเกิดในสมัย ร.
3 ร.4 ร.5 ตามแต่คนจะเชื่อ สำหรับผมแล้วเรื่องนี้น่าจะมาแต่ปลายสมัย ร.3 ถึงสมัย ร.4 และผมก็เชื่อตามตำนานที่ขุนชาญคดี(ปั่น) กำนันตำบลพระโขนง เล่าถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ายุคลฑิฆัมพร กรมหลวงลพบุรีราเมศร์ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย

ศาลแม่นาก ที่วัดมหาบุศย์

            เท้าความถึงสมัยปลายรัชกาลที่
3  แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เรื่องนี้เกิดที่เมืองบางกอก ย่านพระโขนง ในคลองพระโขนงฝั่งตะวันตก ข้างวัดมหาบุศย์ มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งอยู่กินกันอย่างผัวเมียคู่ใหม่ปลามัน  ผู้เป็นสามีชื่อ มาก (ไอ้มาก) ส่วนภรรยาชื่อ นาก (อีนาก) อยู่กินกันมาครึ่งปีอีนากก็มีท้อง ขณะที่อีนากท้องแก่ ไอ้มากก็ถูกเกณฑ์มาเป็นทหาร เมื่อเวลาผ่านไปใกล้คลอดมีอาการเจ็บท้องอย่างหนัก เจ็บอย่างสาหัสติดๆกันหลายต่อหลายวัน นานวันแล้วก็ไม่คลอดสักที แม่หมอตำแยพยายามช่วยแล้วแต่เด็กนั้นไม่ยอมกลับหัว(สมัยก่อนเด็กไม่กลับหัวมักตายสถานเดียว)จนในที่สุดกำลังจะคลอดแล้วแต่ด้วยความเจ็บปวดทรมานจึงสิ้นใจตายในที่สุด ญาติและคนใกล้ชิดแม่นากจึงนำศพไปฝังไว้ที่ป่าช้าวัดมหาบุศย์ โดยจำเพาะว่าฝังไว้ระหว่างต้นตะเคียนคู่เชื่อว่าต้นตะเคียนมีผีนางตะเคียนดุสิงสถิตอยู่จะได้ช่วยป้องกันและดับความเฮี้ยนของแม่นากเนื่องจากแม่นาคตายทั้งกลม แต่ที่ไหนได้กลับเพิ่มความเฮี้ยนให้แม่นากอีกต่างหาก และไม่ผ่านพิธีศพใดๆ
            ทุกอย่างยังเป็นปกติสุขจนมาถึงวันหนึ่งมีหมอผีมือดี รู้ว่าแม่นากตายทั้งกลมจึงได้มาเอาน้ำมันพรายทำเสน่ห์ยาแฝด  หมอผีมาเซ่นวักตั๊กแตน (เซ่นผีด้วยอาหาร) จากนั้นก็ปลุกแม่นากขึ้นมาทำน้ำมันพรายเห็นว่าพิธีกรรมนั้นจัดเต็มไม่มีการลดยาวาศอก และยังส่งเสริมให้อีนากมีฤทธิ์มีเดชส่งเสริมสนับสนุนเป็นอย่างดี ทำให้ผีแม่นากกำเริบขึ้นตั้งแต่ตอนนั้น หมอผีนั่นปลุกได้แต่สะกดกลับให้เหมือนเดิมไม่ได้  แต่ก็ได้น้ำมันพรายกลับไป
            จากนั้นผีแม่นากจึงออกมาหลอกทั่วหมู่บ้าน ซ้ำร้ายนักเลงเจ้าชู้เห็นว่าน้ำมันพรายอีนากของพ่อหมอใช้ทำเสน่ห์ได้ผลทันตาเห็นนัก จึงได้ไปขุดศพอีนากเอาน้ำมันพราย เหมือนเดิมคือเซ่นอาหารแล้วขุดด้านทิศตะวันตก เพราะศพจะนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก  ตามธรรมเนียมปฏิบัติ แต่ขุดไปก็เจอตีน จึงคิดว่าชาวบ้านน่าจะฝังผิดจึงขุดด้านทิศตะวันออกก็เจอตีน จึงรู้ว่าผีแม่นากเล่นงานแล้ว พวกนักเลงเจ้าชู้พากันวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต หลังจากนั้นความเฮี้ยนของผีแม่นากเริ่มขึ้นจากที่หลอกกลับมาหลอนด้วยเสียงขับร้องเพลงขับกล่อมลูก ด้วยเสียงเย็นยะเยือกออกมาจากป่าช้า  ได้ยินแล้วรู้สึกวูบๆวาบๆเสียวสันหลังขนลุกขนพองแก่ชาวบ้านในหมู่บ้านที่ได้ยินเสียง 

                                 แม่นาก ห่มผ้าแดง จากภาพยนตร์ พี่มากพระโขนง (2013)

            ผีแม่นากจึงอัพเลเวลโฉมใหม่ นุ่งผ้าลายใหม่เอี่ยม ห่มผ้าแดง ปะแป้งนวล เดินไปตามครองพระโขนง นั่งบ้างเดินบ้าง คอยทักทายคนที่มาทางเรือ คืนแรกๆทำเป็นสาวนั่งให้ท่าผู้ชาย คนผ่านไปใครผ่านมาก็ใคร่เข้าไปเกี้ยวพาราสีแล้วก็วูบหายตัวไปทันที บางครั้งกูออกมาฉุดเรือ บางทีก็ออกมาขออาหารกินคนที่ถูกขอไม่รอรีรอช้าเสียดายกล้วยอ้อย โยนกล้วยอ้อยขึ้นไปบนฝั่ง แต่กล้วยอ้อยก็ตกมาที่เรือเหมือนเดิมไม่มีแม้แต่รอยขีดขวนใดๆ แต่ขึ้นในเปลือกกับกลองไม่มีเนื้อ พระสงฆ์องค์เณรตลอดถึงชีวัดมหาบุศย์มักโดยหลอกหยอกล้ออยู่เสมอ ในบรรดาพระ ๗ รูป มีขรัวตาสีรูปเดียวที่ผีแม่นากไม่เคยเผชิญหน้ากัน พระ ๖ รูปที่เหลือโดนหมดอย่างทั่วหน้าและทั่วถึง เชื่อว่าขรัวตาสีมีคาถาอาคมแม้อายุ ๖๐ ปีแล้วก็ยังแข็งแรง พระอีก ๖ รูปจึงขออาศัยอยู่ห้องเดียวกับขรัวตาสี แม้ว่าขรัวตาสีจะอึดอัดแต่ก็ยอมเพราะไม่รู้จะทำยังไง ผีแม่นากพยายามหลอกหลอนขรัวตาสีอยู่บ่อยครั้งแต่ไม่กล้าเผชิญหน้าสักครั้ง เช่นเนื้อควายย่างที่ขรัวตาแร่ย่างเก็บไว้ผีแม่นากก็ขโมยกิน จนต้องโยนทิ้งให้ผีแม่นากทั้งหมด ครั้งหนึ่งพระรูปหนึ่งฟันนิ้วผีแม่นากขาดเพราะถูกผีแม่นากหลอก ขรัวตาสีจึงต่อนิ้วให้ผีแม่นาคไป
            และแล้วผีแม่นากก็ออกตามหาสามีซึ่งไม่ได้รอคอยอยู่ที่ท่าน้ำแต่อย่างใด และได้พบกับพี่มากสามีของตนสนทนาปราศรัยกับดีเหมือนคนปกติ จนพี่มากปลดประจำการจากบางกอกจึงกลับบ้านแรกๆก็ไม่รู้อะไร แถมยังตั้งชื่อลูกว่า แดง (ไอ้แดง) ครั้งหนึ่งน้องสาวของพี่มากได้คลอดบุตร ผีแม่นากก็ได้ไปช่วยหลายอย่างทั้งหาฝืนใส่ไฟ น้องผัวก็ไม่สงสัยอะไร เพราะเห็นผีแม่นากเป็นเหมือนคนปกติ อาศัยว่าบ้านห่างไกลกันมากจึงไม่ได้ข่าวว่าแม่นาคตายทั้งกลม
            พี่มากเริ่มเกิดความสงสัยที่ชาวบ้านแสดงอากัปกิริยาต่อตนอย่างนั้น จึงเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรกับแม่นากหรือไม่ จึงพยายามไต่ถามชาวบ้านแต่ก็ปิดปากไม่บอกอะไร แต่ก็ได้ยินข่าวลือเล่ามาว่าแม่นากตายแล้ว จนในที่สุดฉากในตำนานก็มาถึงผีแม่นากกำลังตำน้ำพริกอยู่บนบ้าน ทำมะนาวหล่นตกลงมาด้านล่าง  ผีแม่นาคจึงยื่นมือยาวสาวลงมาเก็บลูกมะนาวที่ตกอยู่ใต้ถุนบ้าน บังเอิญพี่มากมาเห็นเข้าพอดี จึงบักใจเชื่อเต็มๆว่าแม่นากตายแล้ว จึงออกแผนการหลบหนีเจาะตุ่มให้น้ำไหลโกหกแม่นากว่าตนไปฉี่ แต่กลับหนีไปหลบในพุ่มใบหนาด แม่นากออกตามหาแต่เข้าใกล้พุ่มใบหนาดไม่ได้ 
                                                                     ต้นใบหนาด
            พี่มากพึ่งพระที่วัดมหาบุศย์แต่สุดความสามารถของพระที่จะช่วยพี่มากแล้ว อย่างน้อยทำให้ผีแม่นากเข้ามาไม่ได้ แต่แม่นากก็ไม่ละความพยายามหลอกหลอนชาวบ้านกดดันให้พี่มากออกมา แต่ก่อนที่พี่มากจะออกมา อยู่ๆหมอผีมือดีที่ไหนก็ไม่ร่านมาเห็นผีแม่นากกำลังหลอกหลอนชาวบ้านจึงจับใส่หม้อถ่วงน้ำ เรื่องราวจึงสงบลงไปพักใหญ่ๆ ต่อมาตายายคู่ผัวเมียคู่หนึ่งย้ายมาใหม่ไม่รู้เรื่องอะไรออกหาปลาแล้วหม้อติดร่างแหขึ้นมาจึงปลดปล่อยแม่นอกออกมาในตอนนั้น ความกลาหลต่างๆนานาจึงเกิดขึ้น ทั้งแม่นากอาละวาดขยายตัวใหญ่ที่สี่แยกมหานาค ที่เขตดุสิตจนล้นเกล้ารัชกาลที่
3 ต้องเสด็จมาทอดพระเนตรเอง 
            สุดท้ายผีแม่นากก็อาระวาดไปทั่ว ข่าวลือถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ขรัตโตจึงได้ออกไปเมตตาโปรดผีแม่นาก ผีแม่นากจึงถูกปราบด้วยสะกดลงหน้าผาก เจาะกะโหลกนำกระดูกหน้าผากมาทำเป็นปั้นเหน่งเพื่อสะกดวิญญาณผีแม่นาก แล้วเก็บปั้นเหน่งนั้นไว้ ต่อมาสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ม.ร.ว. เจริญ) สมัยยังเป็นสามเณรติดตามสมเด็จพุฒาจารย์โตอยู่ ท่านพุทธโฆษาจารย์สมัยนั่นถูกผีแม่นากแกล้งจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน ไปฟ้องสมเด็จโตให้ช่วย จนในที่สุดสมเด็จโตท่านบอกให้ผีแม่นากอย่ารบกวนอีก จึงสงบสุข เวลาผ่านไปต่อมาสมเด็จโตจึงหมอบปั้นเหน่งแม่นาคให้ หม่อมเจ้าพระพุทธบาทปิลันทน์ ซึ่งได้เป็น สมเด็จพระพุฒาจารย์(ทัต) และได้ประทานกระดูกหน้าผากแม่นากให้แก่หลวงพ่อพริ้ง (พระครูวิสุทธิ์ศีลาจารย์) วัดบางปะกอก


            ภายหลังหลวงพ่อพริ้ง ก็มอบกระดูกแม่นากแด่กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ กระดูกแม่นากจึงไปอยู่ในซองผีที่วังนางเลิ้ง (ในเวลานี้เป็นโรงเรียนพาณิชยการพระนคร)  ปัจจุบันทราบมาว่าปั้นเหน่งแม่นากถูกนำออกมาแล้ว



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น