ตำราเศษพระจอมเกล้า
ตำราเศษพระจอมเกล้านี้ ตามชื่อตำราว่าเศษพระจอมเกล้า
ซึ่งมีนัยความหมายถึงพระนามของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4
พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์นักปราชญ์ทางด้านดาราศาสตร์และโหราศาสตร์ ซึ่งเป็นบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
ครั้งหนึ่งในรัชสมัยของพระองค์ ที่ทรงออกผนวช ทรงศึกษาพระธรรมจนแตกฉานเรื่อง ธรรมะไว้มาก เมื่อพระองค์ทรงแต่งตำรานี้ พระองค์คทรงนำเอาธรรมะบท มาใช้เป็นแนวทางอีกด้วย
การจักพยากรณ์ตามตำราเศษพระจอมเกล้า พึ่งใช้ในผู้ที่จักทำนายชีวิตกาลกำเนิดและจักต้องรู้ในส่วนแขนงย่อยอื่นจักต้องเป็นยามตกฟาก เพื่อนำเอามาประกอบการคำนวณให้แม่นหมายกว่าการทำนายตามที่รัชกาลที่ ๔ ทรงได้แต่งตำรานี้ขึ้นมา ด้วยเหตุหนึ่งในผู้คนหรือพราหมณ์ นักพยากรณ์ นักโหราศาสตร์โดยทั่วไปใช้เพียงตำราเศษพระจอมเกล้าเท่านั้นก็พอจักแจ้งถึงความแม่นยำได้แล้ว แต่หากบุคคลที่รู้แจ้งเจนถึงตำรานี้ จักกอปรด้วย ยามตกฟาก แลอันหนึ่งต้องมีภูมิทางพระธรรมบท เป็นเบื้องต้นจึงใช้ตำรานี้ได้โดยสมบรูณ์
ครั้งหนึ่งในรัชสมัยของพระองค์ ที่ทรงออกผนวช ทรงศึกษาพระธรรมจนแตกฉานเรื่อง ธรรมะไว้มาก เมื่อพระองค์ทรงแต่งตำรานี้ พระองค์คทรงนำเอาธรรมะบท มาใช้เป็นแนวทางอีกด้วย
การจักพยากรณ์ตามตำราเศษพระจอมเกล้า พึ่งใช้ในผู้ที่จักทำนายชีวิตกาลกำเนิดและจักต้องรู้ในส่วนแขนงย่อยอื่นจักต้องเป็นยามตกฟาก เพื่อนำเอามาประกอบการคำนวณให้แม่นหมายกว่าการทำนายตามที่รัชกาลที่ ๔ ทรงได้แต่งตำรานี้ขึ้นมา ด้วยเหตุหนึ่งในผู้คนหรือพราหมณ์ นักพยากรณ์ นักโหราศาสตร์โดยทั่วไปใช้เพียงตำราเศษพระจอมเกล้าเท่านั้นก็พอจักแจ้งถึงความแม่นยำได้แล้ว แต่หากบุคคลที่รู้แจ้งเจนถึงตำรานี้ จักกอปรด้วย ยามตกฟาก แลอันหนึ่งต้องมีภูมิทางพระธรรมบท เป็นเบื้องต้นจึงใช้ตำรานี้ได้โดยสมบรูณ์
๗ วัน
วันอาทิตย์มีค่าเท่ากับ
๑
วันจันทร์ มีค่าเท่ากับ ๒
วันอังคาร มีค่าเท่ากับ ๓
วันพุธ(กลางวันและกลางคืน) มีค่าเท่ากับ ๔
วันพฤหัสบดี มีค่าเท่ากับ ๕
วันศุกร์ มีค่าเท่ากับ ๖
วันเสาร์ มีค่าเท่ากับ ๗
วันจันทร์ มีค่าเท่ากับ ๒
วันอังคาร มีค่าเท่ากับ ๓
วันพุธ(กลางวันและกลางคืน) มีค่าเท่ากับ ๔
วันพฤหัสบดี มีค่าเท่ากับ ๕
วันศุกร์ มีค่าเท่ากับ ๖
วันเสาร์ มีค่าเท่ากับ ๗
๑๒
เดือน
เดือน ธันวาคม
มีค่าเท่ากับ ๑
เดือน พฤศจิกายน มีค่าเท่ากับ ๑๒
เดือน ตุลาคม มีค่าเท่ากับ ๑๑
เดือน กันยายน มีค่าเท่ากับ ๑๐
เดือน สิงหาคม มีค่าเท่ากับ ๙
เดือน กรกฎาคม มีค่าเท่ากับ ๘
เดือน มิถุนายน มีค่าเท่ากับ ๗
เดือน พฤษภาคม มีค่าเท่ากับ ๖
เดือน เมษายน มีค่าเท่ากับ ๕
เดือน มีนาคม มีค่าเท่ากับ ๔
เดือนกุมภาพันธ์ มีค่าเท่ากับ ๓
เดือน มกราคม มีค่าเท่ากับ 2
เดือน พฤศจิกายน มีค่าเท่ากับ ๑๒
เดือน ตุลาคม มีค่าเท่ากับ ๑๑
เดือน กันยายน มีค่าเท่ากับ ๑๐
เดือน สิงหาคม มีค่าเท่ากับ ๙
เดือน กรกฎาคม มีค่าเท่ากับ ๘
เดือน มิถุนายน มีค่าเท่ากับ ๗
เดือน พฤษภาคม มีค่าเท่ากับ ๖
เดือน เมษายน มีค่าเท่ากับ ๕
เดือน มีนาคม มีค่าเท่ากับ ๔
เดือนกุมภาพันธ์ มีค่าเท่ากับ ๓
เดือน มกราคม มีค่าเท่ากับ 2
๑๒
นักษัตร
ปีชวดมีค่าเท่ากับ ๑
ปีฉลู มีค่าเท่ากับ ๒
ปีขาล มีค่าเท่ากับ ๓
ปีเถาะ มีค่าเท่ากับ ๔
ปีมะโรง มีค่าเท่ากับ ๕
ปีมะเส็ง มีค่าเท่ากับ ๖
ปีมะเมีย มีค่าเท่ากับ ๗
ปีมะแม มีค่าเท่ากับ ๘
ปีวอก มีค่าเท่ากับ ๙
ปีระกา มีค่าเท่ากับ ๑๐
ปีจอ มีค่าเท่ากับ ๑๑
ปีกุน มีค่าเท่ากับ ๑๒
ปีฉลู มีค่าเท่ากับ ๒
ปีขาล มีค่าเท่ากับ ๓
ปีเถาะ มีค่าเท่ากับ ๔
ปีมะโรง มีค่าเท่ากับ ๕
ปีมะเส็ง มีค่าเท่ากับ ๖
ปีมะเมีย มีค่าเท่ากับ ๗
ปีมะแม มีค่าเท่ากับ ๘
ปีวอก มีค่าเท่ากับ ๙
ปีระกา มีค่าเท่ากับ ๑๐
ปีจอ มีค่าเท่ากับ ๑๑
ปีกุน มีค่าเท่ากับ ๑๒
รวมเอา วัน- เดือน -ปี ที่เกิดบวกเข้าด้วยกัน
ถ้ามีผลลัพธ์มากกว่า ๑๐ ให้เอา ๑๐ ลบออก เหลือเศษไม่เกิน ๑๐ หรือ เท่ากับ ๑๐
แล้วอ่าน คำทำนายตามเศษของผลลัพธ์ที่ได้ ดังต่อไปนี้ หากว่าลบหนแรกยังมากกว่า ๑๐
ก็ลบอีก ๑๐ เป็นหนที่สอง ลบจนกว่าจะน้อยกว่า ๑๐
เศษศูนย์นกแขกเต้า เฝ้าทำรวงรังระวังผล
แสวงดีย่อมมีผล อย่าคลอเคล้ากับเหล่าพาล
เหมือนปักษีอันมีปีก รู้หลบหลีกธนูพราน
ถ้าประมาทจะเสียการ ถึงชอกช้ำระกำกาย
เศษ ๑ เสาเรือนไหม้ไฟ ชะตาใครทั้งชายหญิง
ไร้เรือนที่พักพิง พึ่งพักสำสักเนา
จะร่อนเร่ระเหระหน เร่งเจียมตนอย่าดูเบา
เพราะว่าชะตาเรา โทษประกอบจึงเกิดกรรมฯ
เศษ ๒ จะครองไข้ มีโรคร้ายรับประจำ
หยูกยาจะหาทำ บ่ถูกแท้จนแก่ตัว
เศษ ๓ ความสบาย มีข้าควายและเกวียนวัว
พอสมสกุลตัว เข้าที่ทายสถานกลาง (ปานกลาง)
เศษ ๔ มีข้าครอก อเนกนอกคณานาง (ดี)
อุปถัมภ์ล้ำสำอาง บ่ไข้ชุกทุกข์บ่เป็น
เศษ ๕ ชะตากลับ ทุนทรัพย์แลแสนเข็ญ (ดีมาก)
ภายหลังชะตาเป็น ทุนทรัพย์จะนับพัน
เศษ ๖ จะยกญาติ เป็นเชื้อชาติประเสริฐสรรพ์
เงินตรายศถาพลัน ทุนทรัพย์ลำดับมี (ดีมาก)
เศษ ๗ นั้นผ้าขาด จะนุ่งห่มก็ที
พักตราผอมราศี ระคายดับทั้งทรัพย์สิน
เศษ ๘ นั้นเปรื่องยศ จะปรากฏกระเดื่องดิน
ทรัพย์สถงคารสถานถิ่น ทั้งอำนาจและวาสนา (ดีที่สุด)
เศษ ๙ กินข้าวกลางตลอด เสมอชาติสุนัขา
ถึงจะมีวาสนา ต้องประกอบการทำงาน
แม้นตระกูลทลิทก ถึงต่ำตกก็บ่นาน
ดังนักเลงสุราบาน พอขวนขวานใส่ท้องตน
เศษ ๑๐ เหมือนนกแขกเต้า ทำรวงรังระวังฝน(จำเป็นก็ให้ได้)
แสวงดีย่อมมีผล อย่าคลอเคล้ากับเหล่าพาล
เหมือนปักษีอันมีปีก รู้หลบหลีกธนูพาล
ถ้าประมาทจะเสียการ จะชอกช้ำระกำกายฯ
แสวงดีย่อมมีผล อย่าคลอเคล้ากับเหล่าพาล
เหมือนปักษีอันมีปีก รู้หลบหลีกธนูพราน
ถ้าประมาทจะเสียการ ถึงชอกช้ำระกำกาย
เศษ ๑ เสาเรือนไหม้ไฟ ชะตาใครทั้งชายหญิง
ไร้เรือนที่พักพิง พึ่งพักสำสักเนา
จะร่อนเร่ระเหระหน เร่งเจียมตนอย่าดูเบา
เพราะว่าชะตาเรา โทษประกอบจึงเกิดกรรมฯ
เศษ ๒ จะครองไข้ มีโรคร้ายรับประจำ
หยูกยาจะหาทำ บ่ถูกแท้จนแก่ตัว
เศษ ๓ ความสบาย มีข้าควายและเกวียนวัว
พอสมสกุลตัว เข้าที่ทายสถานกลาง (ปานกลาง)
เศษ ๔ มีข้าครอก อเนกนอกคณานาง (ดี)
อุปถัมภ์ล้ำสำอาง บ่ไข้ชุกทุกข์บ่เป็น
เศษ ๕ ชะตากลับ ทุนทรัพย์แลแสนเข็ญ (ดีมาก)
ภายหลังชะตาเป็น ทุนทรัพย์จะนับพัน
เศษ ๖ จะยกญาติ เป็นเชื้อชาติประเสริฐสรรพ์
เงินตรายศถาพลัน ทุนทรัพย์ลำดับมี (ดีมาก)
เศษ ๗ นั้นผ้าขาด จะนุ่งห่มก็ที
พักตราผอมราศี ระคายดับทั้งทรัพย์สิน
เศษ ๘ นั้นเปรื่องยศ จะปรากฏกระเดื่องดิน
ทรัพย์สถงคารสถานถิ่น ทั้งอำนาจและวาสนา (ดีที่สุด)
เศษ ๙ กินข้าวกลางตลอด เสมอชาติสุนัขา
ถึงจะมีวาสนา ต้องประกอบการทำงาน
แม้นตระกูลทลิทก ถึงต่ำตกก็บ่นาน
ดังนักเลงสุราบาน พอขวนขวานใส่ท้องตน
เศษ ๑๐ เหมือนนกแขกเต้า ทำรวงรังระวังฝน(จำเป็นก็ให้ได้)
แสวงดีย่อมมีผล อย่าคลอเคล้ากับเหล่าพาล
เหมือนปักษีอันมีปีก รู้หลบหลีกธนูพาล
ถ้าประมาทจะเสียการ จะชอกช้ำระกำกายฯ
ยามตกฟากของแต่ละวัน
เวลา\ยาม
นับเรียงตามวัน อาทิตย์ จันทร์ อาคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์ หมายเหตุ
๐๖๐๐ – ๐๗๓๐ ๑ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ยามกลางวัน
๐๗๐๐ – ๐๙๐๐ ๒ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ยามกลางวัน
๐๙๐๐ – ๑๐๓๐ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ยามกลางวัน
๑๐๓๐ – ๑๒๐๐ ๔ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ยามกลางวัน
๑๒๐๐ – ๑๓๓๐ ๕ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ยามกลางวัน
๑๓๓๐ – ๑๕๐๐ ๖ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ยามกลางวัน
๑๕๐๐ – ๑๖๓๐ ๗ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ยามกลางวัน
๑๖๓๐ – ๑๘๐๐ ๘ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ยามกลางวัน
๑๘๐๐ – ๑๙๓๐ ๑ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ยามกลางคืน
๑๙๓๐ – ๒๑๐๐ ๒ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ยามกลางคืน
๒๑๐๐ – ๒๒๓๐ ๓ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ยามกลางคืน
๒๒๓๐ – ๒๔๐๐ ๔ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ยามกลางคืน
๒๔๐๐ – ๐๑๓๐ ๕ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ยามกลางคืน
๐๑๓๐ – ๐๓๐๐ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ยามกลางคืน
๐๓๐๐ – ๐๔๓๐ ๗ ๔ ๕ ๖ ๗ ๑ ๒ ๓ ยามกลางคืน
๑๔๓๐ – ๐๖๐๐ ๘ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ยามกลางคืน
ครานี้ให้นับรวมยามตนเกิดในวันเกิด รวมเข้าด้วยกันกับวัน
เดือน ปี จากนั้นก็ลบให้เหลือสุทธิน้อยกว่า ๑๐ หรือ เท่ากับ ๑๐
ก็ให้ทำนายตามคำทำนายเดิม แลการนับรวมยามตกฟากจักทำให้มีความแม่นยำมาก
ในการพิจารณาคำทำนายทั้ง ๑๐ เศษ นั้นข้าพเจ้าได้เห็นแจ้งว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าทรงได้ผนวกเอาพระธรรมบท ๑๐ ประการ ว่าด้วยบารมี ๑๐ ทัศ ซึ่งบารมีนี้เป็นบารมีชั้นแรกของบารมีทั้งหมดสามชั้น เรียกบารมีทั้งหมดทั้งสิ้นว่า บารมี ๓๐ ทัศ แต่ในขั้นนี้ใช้เพียง ๑๐ ทัศ ที่ถือคติทำนายเวไนยสัตย์ที่มีบารมีเพียงชั้นบารมีขั้นต้นก็เพียงพอมีต้องใช้อุปบารมี ปรมัตถบารมี แต่อย่างใด
ในการพิจารณาคำทำนายทั้ง ๑๐ เศษ นั้นข้าพเจ้าได้เห็นแจ้งว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าทรงได้ผนวกเอาพระธรรมบท ๑๐ ประการ ว่าด้วยบารมี ๑๐ ทัศ ซึ่งบารมีนี้เป็นบารมีชั้นแรกของบารมีทั้งหมดสามชั้น เรียกบารมีทั้งหมดทั้งสิ้นว่า บารมี ๓๐ ทัศ แต่ในขั้นนี้ใช้เพียง ๑๐ ทัศ ที่ถือคติทำนายเวไนยสัตย์ที่มีบารมีเพียงชั้นบารมีขั้นต้นก็เพียงพอมีต้องใช้อุปบารมี ปรมัตถบารมี แต่อย่างใด
บารมี ๑๐ ทัศ
บารมี แปลว่า กำลังใจเต็ม บารมี ๑๐ ทัศ มีดังนี้
๑ ทานบารมี จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
๒ ศีลบารมี จิตของเราพร้อมในการทรงศีล
๓ เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่จำเป็น
๔ ปัญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป
๕ วิริยบารมี วิิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
๖ ขันติบารมี ขันติ มีทั้งอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
๗ สัจจะบารมี สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลา ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการทำความดี
๘ อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
๙ เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
๑๐ อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ เมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว ใช้คำว่า “ช่างมัน” ไว้ในใจ
บารมี แปลว่า กำลังใจเต็ม บารมี ๑๐ ทัศ มีดังนี้
๑ ทานบารมี จิตของเราพร้อมที่จะให้ทานเป็นปกติ
๒ ศีลบารมี จิตของเราพร้อมในการทรงศีล
๓ เนกขัมมบารมี จิตพร้อมในการทรงเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช แต่ไม่ใช่ว่าต้องโกนหัวไม่จำเป็น
๔ ปัญญาบารมี จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหารให้พินาศไป
๕ วิริยบารมี วิิริยะ มีความเพียรทุกขณะ ควบคุมใจไว้เสมอ
๖ ขันติบารมี ขันติ มีทั้งอดทน อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์
๗ สัจจะบารมี สัจจะ ทรงตัวไว้ตลอดเวลา ว่าเราจะจริงทุกอย่าง ในด้านของการทำความดี
๘ อธิษฐานบารมี ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ
๙ เมตตาบารมี สร้างอารมณ์ความดี ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น
๑๐ อุเบกขาบารมี วางเฉยเข้าไว้ เมื่อร่างกายมันไม่ทรงตัว ใช้คำว่า “ช่างมัน” ไว้ในใจ
ซึ่งข้าพเจ้าจักขอไม่อรรถธิบายในบารมี ๑๐ ทัศ
นี้รวมเข้ากับคำทำนายทั้ง ๑๐ เศษ เพราะเพียงแค่อ่านก็พอจักเข้าใจแล้ว เช่น
ทานบารมี การที่เศษ ๑ ต้องรับกรรมเช่นนั้นเพราะไม่เคยประกอบทาน และวิริยะบารมี
ในเศษ ๕ เปลี่ยนจากทุกข์เป็นสุข เช่นเดียวกับพระมหาชนกที่ประกอบวิริยะบารมี
เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น