รางจืด
ราชาแห่งยาถอนพิษ
รางจืด เป็นไม้เถาดอกมีสองสี คือ
รางจืดดอกขาว และรางจืดดอกม่วง คุณสมบัติทางเภสัชวิทยาเหมือนกัน แต่เชื่อว่ารางจืดดอกสีม่วงจะมีสรรพคุณที่เหนือกว่าดอกสีขาว
ลักษณะทางกายภาพเป็นไม้เลื้อยและเถาแข็ง เถาอ่อนสีเขียวกลวง
เถาแก่สีน้ำตาลภายในตัน ใช้การปักชำในการขยายพันธ์
สรรพคุณใช้ถอนพิษและรับประทานเป็นอาหาร ส่วนต่างๆของรางจืดสามารถนำมาประกอบอาหารได้ ถือเป็นผักป่าอีกชนิดหนึ่ง มีรสชาติต่างๆ รสเย็นขมเป็นหลัก ดอกเอาเกสรออก สดหรือลวกจิ้มน้ำพริก หรือนำมาทอด หรือผัด หรือแกงได้ ยอดอ่อนใช้ลวกกินกับน้ำพริก นอกจากนี้นำมาทำสลัดรางจืด ยำรางจืด ไข่ทอดรางจืดหรือรางจืดผัดไข่ ซึ่งจากรสชาติที่ไม่น่าพิสมัยแต่ใช่ว่าจะเลวร้ายเสียทีเดียว
สลัดรางจืด (กะหล่ำ กระสัง ผักกาดขาว แครอท มะเขือเทศ และรางจืด)
รางจืด สมุนไพรชนิดหนึ่งที่ผมใช้ต้มเป็นน้ำชาดื่มอยู่บ่อยๆ
แต่ไม่ได้กินเป็นประจำ ผมรู้จักรางจืดนี้ตั้งแต่เด็ก สมัยอยู่ชั้นประถม
พ่อเด็ดดอกรางจืดแล้วให้ผมดูดน้ำหวานจากขั้วดอกแบบเดียวกับดูดน้ำหวานจากดอกเข็ม
ตอนมาผู้เฒ่าผู้แก่เล่าถึงรางจืดให้ผมฟัง ในภาษาเหนือแถบๆบ้านผมเรียกรางจืดว่า “เครือน้ำแน่”
รางจืดนี้มีสรรพคุณถอนพิษสารพัด ทั้งแมลงสัตว์กัดต่อย พิษจากยาพิษยาสั่ง เวลาเมาเหล้าหรือเมาค้างให้เคี้ยวใบรางจืดสดๆสัก
2-3 ใบจะช่วยให้สร่างและแก้เมาค้างได้
รางจืดยังเป็นที่รู้จักของคอสุรายาดอง
รู้จักกันในนาม “กำลังช้างเผือก” ใช้ในการดองเหล้า นิยมดองเหล้าดื่มแล้วชูกำลัง
แก้ปวดเมื่อย และแก้กษัย อย่าเข้าใจผิดว่ากำลังช้างเผือกนี้เป็นต้นเดียวกันกับกำลังควายหงาน
ชื่อเหมือนกันแต่ไม่ใช่ต้นเดียวกัน แต่สรรพคุณในการดองเหล้าคล้ายกัน
สมัยก่อนนายพรานแถวๆหมู่บ้านออกเดินป่าล่าสัตว์หรือชาวบ้านออกหาของป่า มักจะพาสุนัขไปด้วย เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวและหาสัตว์ เวลามีสัตว์มีพิษเช่น งู ตะขาบแมงป่องจะได้กัดสุนัขก่อนเนื่องจากมันชอบเขี่ยลุยก่อนเจ้าของ คล้ายกับหน่วยกล้าตาย และยังช่วยหาสัตว์ป่าพวกตุ่น งู หนู ได้อีกด้วย หลายต่อหลายครั้งที่สุนัขไม่ถูกงูกัด ถ้าไม่โดนกัดก็อาจจะถูกงูเห่าพ่นพิษใส่ตา ด้วยเหตุที่ว่าอยู่ในป่าจึงมีต้นรางจืดขึ้นอยู่มากหาง่าย นายพรานหรือชาวบ้านใช้ใบและเถาเครือของต้นรางจืดถอนพิษให้สุนัขโดยเอามามัดห้อยคอสุนัขที่ถูกงูกัด (ความเชื่อของคนเมือง และชาวปกากะญอ กะเหรี่ยง) เชื่อว่าจะช่วยถอนพิษงูกัดได้ แต่นอกเหนือจากความเชื่อแล้ว สุนัขคงจะกินใบและเถาของรางจืดที่มัดไว้ที่คอจึงช่วยถอนพิษงูกัดได้ และถ้าคนหรือสัตว์ถูกงูกัดสามารถนำเถามารัดเหนือแผลหยุดพิษ ไม่ให้พิษแพร่กระจายได้
ความเชื่อเรื่องเครือน้ำแน่ ยังถูกเล่าว่างูพิษ และงูไม่มีพิษจะกลัวเครือน้ำแน่ เวลาไปในป่าท่านว่าให้พกเครือน้ำแน่ไปด้วย เวลาโดนงูเหลือมพันหรือรัด ให้เอาเครือน้ำแน่คล้องหรือมัดที่ตัวงู มันก็จะปล่อย ในความเชื่อทางไสยศาสตร์ ท่านว่าใช้เครือน้ำแน่ปลุกเสกคาถาหมัดงูเหลือม งูจะสิ้นฤทธิ์สิ้นแรง เราลากไปทางไหนมันก็จะไปตามที่เราราก ออกไปศาสตร์แนวนอนซะไกลมาศาสตร์แนวตั้งบ้าง
เครือน้ำแน่ ในภาษาเมืองเหนือ หรือ รางจืดในภาษากลาง ถูกนำมาเผยแผ่และเป็นที่รู้จักกันมาเมื่อไม่นานมานี้ เรื่องเกิดที่เชียงใหม่ แพทย์หญิงพาณี เตชะเสน คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ วันหนึ่งแมวของท่านไปกินยาเบื่อเข้าแล้วรางจืดสามารถช่วยชีวิตแมวตั้งนั้นได้ ท่านจึงนำมาศึกษาวิจัยรางจืดในการแก้พิษยาฆ่าแมลงในปี 2522-2523 โดยเริ่มจากสารกำจัดศัตรูพืชในกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต (โฟลิดอล พาราไทออน) กลุ่มคาร์บอเนต (เมโทรมิล) ต่อจากนั้นก็มีการศึกษาการต้านฤทธิ์ขอสารเคมีและพิษหลายชนิดทั้งสัตว์มีพิษและพืชมีพิษ เช่นพิษแมงดาทะเลที่ผู้ป่วยระยะวิกฤตระดับ 4 รางจืดก็ช่วยถอนพิษได้ และปัจจุบันก็แก้พิษยาเสพติด พิษของตะกั่ว และยังถูกน้ำมาใช้ในการควบคุมเบาหวานและควบคุมความดันโลหิต
สารประกอบที่พบในรางจืด
ประกอบไปด้วยกลุ่มโพลีฟีนอล(polyphenol) ได้แก่ กรดฟีนอลิค (phenolic acid) เช่น กรดแกลลิก(gallic acid), กรดคาเฟอิค
(caffeic acid) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ,
กรดโปรโตคาเทคซูอิค (protocatechuic acid) อีกกลุ่มคือฟลาโวนอยด์(flavonoid)
ได้แก่ อาพิจินิน (apigenin) และอาพิจินิน
กลูโคไซด์ (apigenin glucoside) โดยเฉพาะอาพิจินิน
ซึ่งเป็นสารสำคัญในรางจืดที่สามารถยับยั้งพิษของสารหนูในการเปลี่ยนการควบคุม (deregulation)
ของความเครียดเส้นใย (stress fiber) ซึ่งมีความจำเพาะต่อการจัดเรียงโครงร่างของเซลล์
นอกจากนี้โพลีฟีนอลยังเป็นตัวเก็บสารอนุมูลอิสระ
เนื่องด้วยเป็นกลุ่มไฮดรอกซิลในโครงสร้างทางเคมี
จึงสามารถจับสารอนุมูลอิสระและกําจัดออกไป
รวมถึงช่วยป้องกันกระบวนการของโรคร้ายต่างๆ
โดยเพิ่มประสิทธิภาพของสารต้านอนุมูลอิสระและสร้างเสริมกระบวนการของเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ
ได้แก่ กลูตาไธโอน-รีดักเทส (glutathione reductase) และกลูตาไธโอน-เอส-ทรานสเฟอเรส (glutathione-S-transferase)
รางจืด ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในรูปของรางจืดแคปซูล และชารางจืด ที่มีสรรพคุณช่วยขับพิษในร่างกาย เหมาะสมแก่การรับประทาน
รางจืด ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันในรูปของรางจืดแคปซูล และชารางจืด ที่มีสรรพคุณช่วยขับพิษในร่างกาย เหมาะสมแก่การรับประทาน
สุดท้ายนี้รางจืด แม้เป็นยาถอนพิษ
ขจัดพิษ แต่ถ้ากินเยอะเกินไปอาจจะมีผลข้างเคืองต่อคับไตได้ ตับไตอาจจะทำงานหนัก
ดังนั้นกินก็กินแต่พอดี อะไรที่เยอะเกินความจำเป็นก็ไม่ดี แต่กระนั้นถ้าถูกพิษหรือตรวจเลือดพบว่ามีสารพิษตกค้างสะสมในร่างกายมากๆมีแรงยัดรางจืดเข้าไปก็ยัดมันเข้าไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น