โสม ราชาแห่งสมุนไพร

โสม ราชาแห่งสมุนไพร
(บทความนี้มิได้มาโฆษณาขายโสม แต่ถูกเขียนขึ้นโดยผู้ใช้โสม)

            ในบรรดาสมุนไพรที่ผมเคยใช้ โสมเป็นสมุนไพรตัวหนึ่งที่ผมนิยมรับประทาน ด้วยสรรพคุณของโสมที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่เรื่องราคาที่สูงลิบลิ่วเป็นปัจจัยสำคัญ จากประสบการณ์ในการใช้โสมของผมจึงนำมาเขียนบทความนี้
            人参 ยิ่นเซียม คำว่า “人参” มาจาก แปลว่า โสม ส่วน แปลว่า คน ดังนั้นชาวจีนจึงให้ความหมายว่า โสมคน และให้สมญานามว่าเป็น ราชาแห่งร้อยหญ้า การที่เรียกว่าโสมคน เพราะลักษณะของรากโสมมีความคล้ายกับรูปร่างของมนุษย์ คือ บางต้นมีส่วนหัว แขน ขา ลำตัว คล้ายกับมนุษย์ และคำๆนี้ ชาวจีนก็ใช้เรียกโสมเกาหลีเช่นเดียวกัน
            โสม เป็นสมุนไพรที่รู้กันในแทบเอเชียตะวันออกโดยเฉพาะจีน ญี่ปุ่น และเกาหลี มานานกว่า
5,000 ปี ในจีน กล่าวคือ สมัยศตวรรษที่ 2 ก่อนพุทธศักราช จักรพรรดิจีนพระองค์หนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร เขียนตำราสมุนไพร  (เสินหนงเปิ๋งเฉ่าจิง) สารานุกรมเภสัชศาสตร์แห่งสรวงสวรรค์ของชาวประชา จัดอันดับ โสม ไว้เป็นสมุนไพรอันดับแรกสุด  ยังทรงบันทึกว่าโสมไม่มีอันตรายใดๆ กับมนุษย์อีกด้วย ส่วนในสมัยสามก๊กมีการถวายโสมเกาหลี 200 ราก เป็นบรรณาการแด่ฮ่องเต้ ราชวงศ์ถั่งของจีน 

            ตำนานโสมจีนกล่าวว่าสมัยหนึ่งที่หมูบ้านซานซี เกิดการเจ็บป่วยโรคระบาดทุกเข็ญกันมาก เทพเจ้าบนสวรรค์ทรงเห็นว่าโสมเป็นยาวิเศษที่ขึ้นบนสวรรค์ เป็นยาทิพย์ ที่เหล่าเทวดานิยมกิน เทพเจ้าจึงประทานโสมลงมาบนพื้นโลก โดยตำนานหนึ่งกล่าวว่าหงส์
2 ตัว คาบเม็ดโสมจากบนสวรรค์มาหว่านโปรยปรายลงบนพื้นโลก เพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์ โสมนี้เรียกว่าโสมซานซี

            ในอีกตำนานหนึ่งที่เล่าว่าชาวจีนรู้จักโสมได้อย่างไร สมัยโบราณมีสองหนุ่มนายพรานออกป่าล่าสัตว์ หาอยู่หลายวันก็ไม่ได้สัตว์สักตัว เสบียงก็หมด ด้วยความหิวจึงขุดดินหาหัวมัน หรือหัวอะไรต่างๆที่พอจะประทังชีวิตให้รอด ขุดไปจนเจอหัวพืชชนิดหนึ่งเป็นรากที่มีลักษณะคล้ายคน สองหนุ่มจึงตัดสินใจลองชิมดู พบว่ามีรสชาติหวานกรอบ (ผมว่าไม่จริงอะครับ กรอบน่ะใช้อยู่แต่หวานเนี่ยไม่น่าจะหวาน ผมกินไปขมมากเลย) ตำนานเขาว่าหวานก็หวานนะ การประทังชีวิตด้วยรากพืชชนิดนั้นสองหนุ่มนายพรานจึงวนเวียนอยู่ในป่าหลายปี ดำรงชีวิตโดยการขุดโสมกิน ในที่สุดพวกเขาก็ลงจากเขา พอลงจากเขามาเท่านั้นแหละชาวบ้านเห็นเขาก็แปลกใจว่าทำไมถึงได้มีผิวพรรณเปล่งปลั่ง หนุ่มแน่น หล่อเหล่า ซึ่งต่างจากก่อนขึ้นเขา และยังอ่อนวัยกว่าเดิม สองหนุ่มกินรากต้นที่คล้ายๆคนเข้าไปซึ่งก็ไม่รู้อีกแหละว่ามันคืออะไร เล่าไปเล่ามาจนเรื่องไปเข้าหูผู้เฒ่านิรนามคนหนึ่ง แน่นอนว่าสองหนุ่มเนี่ยพบโดยบังเอิญ (ผมว่าน่าจะเป็นเทพเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง) ผู้เฒ่าฟังเรื่องสองหนุ่มกินรากหญ้าเข้าไปเพื่อประทังชีวิตไม่ให้อดตายแถมกินแล้วมีชีวิตชีวา ผู้เฒ่าจึงเรียกรากหญ้าชนิดนั้นว่า
人生 (ยิ่นเซียง) ซึ่งคำว่า แปลว่า ดิบ จะแปลดีๆก็แปลว่า มีชีวิต หรือ เกิด ก็ได้ รวมกับคำว่า จึงให้ความหมายว่า คนมีชีวิต (น่ากลัวเนอะ รากคนมีชีวิต เขาหมายความว่าทำให้คนฟื้นขึ้นมาเหมือนเกิดใหม่ หรือทำให้คนมีชีวิตชีวาต่างหาก) เมื่อเวลาผ่านไป人生 ยิ่นเซียง ถูกกร่อนเสียงกลายเป็น人参 ยิ่นเซียม ซึ่งแปลความหมายว่า โสมคน 

 
   ผ่านไป 2 ตำนานแล้วเป็นไงบ้างครับ ตำนานต่อไปเป็นตำนานของชาวเกาหลี โสมเกาหลีมีทั้งโสมป่าและโสมปลูกเอง แต่เดิมตามตำนานว่า หมู่บ้านฉานถั่นในจังหวัดเซนสี ชาวบ้านประสบปัญหาเสียงรบกวน แรกๆบ่อยไปคิดว่าชาวบ้านในละแวกส่งเสียงครวญคราง โหยหวนจับใจ นานวันเข้าเสียงก็หนักหนาสาหัสขึ้นจนชาวบ้านเดือดร้อนทนไม่ไหว จะเสียงร้องของคนหรือสัตว์ที่โหยหวนออกมาจากป่า หรืออาจจะเป็นผีสางมารบกวน ชาวบ้านจึงออกค้นหาในป่าหลังหมู่บ้าน พากันหาไปได้ระยะทางประมาณ 1 ลี้ พบว่าเสียงโยหวนจับใจนั่นออกมาจากใต้พุ่มไม้พุ่มหนึ่ง สังเกตโดยทั่วแล้วไม่พบอะไรเลยจึงขุดดินลงไปดูพบรากไม้ขนาดใหญ่รากหนึ่ง ซึ่งพิจารณาจากรูปพรรณสัณฐานแล้วคล้ายกับมนุษย์มีหัว มีลำตัว มีแขน มีขา (รากไม้นั้นน่าจะเป็นโสมพันปีที่กล่าวขานเป็นตำนานเกาหลี) รากที่ขุดขึ้นมาก็หยุดส่งเสียง แถมไม่มีเสียงร้องโหยหวนเช่นเคย ชาวบ้านขานนามรากนั้นว่า ดวงวิญญาณแห่งแม่ธรณี (지상พื้นดิน) ...ผมไม่เก่งภาษาเกาหลีนะครับ...
           
인삼 จินเซ็ง ในภาษาเกาหลีที่แปลว่า โสม (โสมจีน) มาจากรากศัพท์ คำว่า성상 (เจน เซน) ที่แปลว่าลักษณะภายนอก หมายถึงการก่อตัวเป็นรูปร่างผู้ชาย คือ เจน ส่วนคำว่า เซน มาจากแม่ธรณี รวมๆแล้วแปลว่า การก่อตัวเป็นรูปร่างผู้ชายของพระแม่ธรณี เรียกง่ายๆว่า รากมนุษย์ (โสมคน) 

            ในตำนานเกาหลีที่กล่าวถึงความวิเศษของโสมนั้น ต้องพูดถึงตำนานนี้ มีปู่กับหลานอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านหลังหนึ่ง ทั้งคู่อยู่อย่างลำบากยากจนแทบไม่มีอะไรจะกิน อนิจจาด้วยว่าปู่นั้นป่วยมานานแล้ว อาการป่วยหนักเอาการ หลานก็สู้ทนเหนื่อยยากดูแลรักษาปู่ของตนทั้งกายและใจ เรื่องเกิดขึ้นในคืนนั้นมีลมพัดเทียนไขดับ ทำให้หลานไม่ได้หลับไม่ได้นอน มัวแต่จุดเทียนไขให้สว่าง เด็กชายคิดว่านั่นต้องเป็นวิญญาณหรือผีสาง จึงได้นำเข็มร้อยด้ายยาวมาก เตรียมเอาไว้พอมีลมพัดมาอีกเด็กน้อยแทงเข็มที่ลมนั้น เข็มหายไปในความมืดพร้อมกับลากด้ายไปเป็นทาง เด็กน้อยจึงตัดสินใจเดินตามด้ายนั้นจนไปพบว่าเข็มปักอยู่ที่ต้นโสม จึงขุดโสมน้ำมาต้มเป็นยาให้ปู่ของตนกิน จนรักษาอาการป่วยของปู่จนหายเป็นปกติอย่างรวดเร็ว กล่าวกันว่าวิญญาณที่สิงสู่อยู่ในรากโสมเห็นความกตัญญูของเด็กน้อยจึงชี้นำให้พบกับโสมเพื่อช่วยปู่ของตนเป็นรางวัลแห่งความกตัญญู

โสม คือ ?       

            โสม คือ พืชสมุนไพรโบราณคร่ำครึกดึกดำบรรพ์ สกุล
Panax มาจากภาษากรีก คำว่า Pana แปลว่า ทั้งมวล axos แปลว่า รักษา ดังนั้น Pana + axos = Panas แปลว่า รักษาได้ทุกโรค ภาษาจีนเรียกว่า ยิ่นเซียม ภาษาเกาหลีเรียกว่า อินซัม เป็นพืชที่ขึ้นในซีกโลกเหนือของทวีปเอเชีย (จีน ญี่ปุ่น เกาหลี และรัสเซีย) และทวีปอเมริกาเหนือ โสมอเมริกาจะมาจากวิสคอนซิน หรือแคนาดา ปัจจุบันโสมนิยมเพาะปลูก
            โสมก็มีด้วยกันหลายสายพันธ์โสม โสมเกาหลี โสมจีน โสมชวูซิเสียน โสมญี่ปุ่น โสมหิมาลายัน โสมอเมริกา โสมคน หลักสามสายพันธ์ โสมอเมริกา โสมเอเชีย และโสมไซบีเรีย

โสมที่นิยมแบ่งประเภทได้เป็นสองประเภทหลัก คือ โสม 7 ใบ และโสม 5 ใบ ดังนี้
1. โสมซานชี (三七)
            โสมซานชี มาจาก
ซาน แปลว่า 3 โสมชนิดนี้มี 3 กิ่ง ซี แปลว่า 7 โสมชนิดนี้มี 7 ใบ (มีใบเป็น 7 แฉก) โสมซานซี เป็นโสมฤทธิ์ร้อน ใช้บำรุงกำลัง

2. โสม 5 ใบ
            โสม
5 ใบ เป็นโสมที่รู้จักกันโดยทั่วไป เป็นโสม 5 ใบ (ตามชื่อเลยครับ มีใบเป็น 5 แฉก)

ชนิดของโสม
            โสมที่นิยมในปัจจุบัน เป็นโสมเพาะปลูก เนื่องจากโสมป่าหายาก แถมราคายังสูงลิบลิ่วยิ่งความใหญ่ของรากโสม ความสมบรูณ์ของรากโสม รูปร่างของรากโสม และส่วนที่สำคัญที่สุดคือ อายุของโสม จะเป็นตัวกำหนดราคาว่าแพงมากแค่ไหน



๑. โสมขาว เป็นโสมสดสีขาวที่ขุดมาแล้วล้างสะอาด เอามาปรุงยาหรือทำอาหารได้ทันที อาจจะมีการผึ่งให้แห้งหรือตากแห้ง ให้น้ำระเหยเหมาะสำหรับการเก็บรักษาไว้ให้นานขึ้น สามารถใช้ปรุงยาและทำอาหารได้ เหมาะแก่การดองสุราเป็นที่สุด เนื่องจากสุราจะช่วยสกัดตัวยาออกจากโสมได้มาก และรักษาเนื้อโสมให้มีคุณภาพได้ยาวนาน

๒. โสมแดง เป็นโสมขาวที่นำมาอบให้แห้ง ด้วยว่าโสมมีผิวด้านนอกมีลักษณะสีเมื่อคาลาเมล เมื่อนึ่งหรืออบไอนำแล้วจะมีสีน้ำตาลแดง ถือว่าแปรรูปโสมขาวเพื่อรักษาสรรพคุณทางยาให้มากขึ้น ทำให้โสมแดงสามารถใช้ประโยชน์ทางยาได้มากกว่าโสมขาว มีคุณค่าทางยาสูงและราคาแพง ปัจจุบันถูกนำมาสกัดเป็นโสมสกัด แคปซูล โสมอบน้ำผึ่ง โสมเม็ด โสมผง

สรรพคุณของโสม
            เป็นที่รู้กันว่าโสมมีสรรพคุณนานาประการ สาร
Adaptogens ในโสม มีคุณสมบัติลดความเครียด ช่วยปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้ทนต่อภาวะต่างๆ ได้มากขึ้น และยังช่วยลดความเมื่อยล้า โดยกระตุ้นให้เซลล์ในร่างกายสร้างพลังงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น
            โสมช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง โดยการสร้างสาร
Interferon ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อไวรัส และกระตุ้นการสร้างโปรตีน Interleukin- 1
            หากอ้างอิงตามหลักฐานทางเภสัชวิทยาแล้ว โสมมีสารประกอบมากกว่า
200 ชนิด ซึ่งปัจจุบันคำนึงถึงสารตัวหนึ่งที่ชื่อว่า Ginsenoside  “จินเซนโนไซด์นักวิทยาศาสตร์แบ่ง Ginsenoside เป็น 4 กลุ่ม

1. กลุ่มโครงสร้าง
Protopanaxadiol(PPD) เช่น Ra1, Ra2, Ra3, Rb1, Rh2 ,Rb2 และ Rb3 เป็นต้น
2. กลุ่มโครงสร้าง
Protopanaxatriol(PPT) เช่น Re, Rf, Rg1, Rg2 และ Rh1 เป็นต้น
3. กลุ่มโครงสร้าง
Pentacyclic Oleanane saponin เช่น Ro เป็นต้น
4. กลุ่มโครงสร้าง
Ocotillol saponin เช่น F11 และ R15 เป็นต้น


คุณลักษณะของจินเซนโนไซด์
            เมื่อตรวจแยกวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์พบว่า ในโสมมีสารจินเซนโนไซด์กว่า 150 ชนิด และมีฤทธิ์ที่แตกต่างกันไป เช่น
            - ปกป้องเซลล์ประสาท
            - ต่อต้านอนุมูลอิสระ

            - ควบคุมกระบวนการสร้างเส้นเลือดใหม่
            - เป็นพิษต่อเซลล์ (Cytotoxicity) ซึ่งอาจนำไปใช้ในกระบวนการกำจัดเซลล์มะเร็งในยาบางชนิดได้
            ส่วนสรรพคุณอื่นๆ ก็รู้กันอยู่แล้วไม่ต้องขยายความ 





  สุดท้ายนี้ผมขอเตือนว่าอย่ากินโสมมากเกินไปล่ะครับ มีเช่นนั้น ginseng abuse syndrome  ความดันโลหิตสูง ตื่นเต้น กระวนกระวาย ท้องเสีย เป็นผื่นที่ผิวหนัง นอนไม่หลับ แค่ 2 กรัมต่อวันก็กำลังดีแล้วครับ ก็ประมาณ ราก หรือน้อยกว่านั้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น